วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วานรินทชาดก-ชาดกว่าด้วยธรรมของผู้ล่วงพ้นศัตรู

พญาวานรซึ่งมีพละกำลังมหาศาลและมีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง
    พุทธกาลสมัยในขณะที่พระธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขจรขจาย ไปทั่วแว่นแคว้นดินแดนชมพูทวีป ยังความร่มเย็นเป็นสุขด้วยรสแห่งธรรมที่องค์พระศาสดาตรัสรู้นั้น แผ่นดินมคธกลับผลัดเปลี่ยนอำนาจจากพระเจ้าพิมพิสารอันเป็นองค์ศาสนูปถัมภกมา เป็นโอรสนามพระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าอชาตศัตรูองค์นี้กระทำปิตุฆาตสังหารพระเจ้าพิมพิสารพระราชบิดาเพราะ เชื่อคำยุยงของพระเทวทัตเถระผู้มีทิฐิมานะ
แผ่นดินมคธภายใต้อำนาจการปกครองของพระเจ้าพิมพิสาร
 แผ่นดินมคธภายใต้อำนาจการปกครองของพระเจ้าพิมพิสาร
     “เฮอะๆ ๆ ฮ่ะๆ ฮ่า ในที่สุดแผ่นดินมคธอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็ตกเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว เฮอะๆ ๆ ฮ่ะๆ ฮ่า ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าข้าเชื่อฟังพระอาจารย์เท วทัตเป็นแน่แท้ หาไม่แล้วคงต้องรอไปอีกนาน เฮอะๆ ๆ ฮ่ะๆ ฮ่า” พระเทวทัตนั้นคิดร้ายกระทำพุทธประหารองค์พระศาสดา จึงว่าจ้างนายขมังธนูลอบปลงพระชนม์ แต่กาลนั้นกลับล้มเหลวลง “เฮ้ย อะไรกันเนี่ย แค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ เห็นทีเราต้องลงมือด้วยตัวเองซะแล้ว”
แผ่นดินมคธผลัดเปลี่ยนอำนาจจากพระเจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสนามพระเจ้าอชาตศัตรู
แผ่นดินมคธผลัดเปลี่ยนอำนาจจากพระเจ้าพิมพิสารเป็นโอรสนามพระเจ้าอชาตศัตรู
     วันหนึ่งพระศาสดาเสด็จประทับ ณ เชิงเขาคิชกูฏ พระเทวทัตเห็นสบโอกาสจึงลอบขึ้นไปบนเขาแล้วกลิ้งหินหินก้อนใหญ่ลงมาหมายจะ ทับพระพุทธองค์ แต่ในระหว่างที่หินกลิ้งลงมานั้นเกิดกระทบกันแตกเป็นหินเล็กหินน้อย สะเก็ดหินก้อนหนึ่งกระเด็นปลิวมากระทบพระบาทของพระองค์จนพระโลหิตห้อ “ฮึย!..พลาดไปอีกจนได้ คราวหน้าต้องทำให้สำเร็จจนได้คอยดู ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเราบ้าง”
พระเทวทัตคิดแผนการร้ายหมายกระทำ พุทธประหารองค์พระศาสดา
พระเทวทัตคิดแผนการร้ายหมายกระทำพุทธประหารองค์พระศาสดา
        และแล้วโอกาสที่พระเทวทัตรอคอยก็มาถึง พระเทวทัตวางแผนการร้ายยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูปล่อยโขลงช้างตกมันไล่เหยียบ พระพุทธองค์ขณะที่เสด็จออกบิณฑบาตร “หึๆๆ คราวนี้แหละสำเร็จแน่ๆ เจอช้างตกมันเข้าไป ดูซิจะรอดมาได้ก็ให้มันรู้กันไป เฮอะๆ ๆ ฮ่ะๆ” ฝูงช้างตกมันอันเกรี้ยวกราดดุร้าย เมื่อมาถึงหน้าพระพักตร์พระพุทธองค์ก็ไม่กล้าทำอันตรายใดๆ “เฮ้ย!!..อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เฮ้ย..ไม่เข้าใจเลย” เมื่อแผนกาลลอบปลงพระชนม์ไม่เป็นผล
พระเทวทัตกลิ้งหินก้อนใหญ่ลงจากภูเขา หมายจะให้ทับพระพุทธองค์
พระเทวทัตกลิ้งหินก้อนใหญ่ลงจากภูเขาหมายจะให้ทับพระพุทธองค์
     แทนที่พระเทวทัตจะสำนึกลดมานะทิฐิลง กลับแบ่งแยกหมู่สงฆ์ออกไปตั้งนิกายใหม่สร้างพุทธวินัยใหม่และคอยหาโอกาสปลง พระชนม์พระพุทธองค์ตลอดเวลาเพราะมีบูรพกรรมต่อกันมาหลายภพหลายชาตินั่นเอง “เฮ อะๆ ๆ ต่อไปนี้แหละพระโคดมเอ๋ย นิกายที่ข้าสถาปนาขึ้นมาใหม่จะต้องยิ่งใหญกว่า เฮอะๆ ๆ ฮะๆๆ ที่นี้ไม่ว่าใครในแผ่นดินก็จะต้องยกย่องนับถือเราเพียงองค์เดียวเท่านั้น เฮอะๆ ๆ”
สะเก็ดหินกระเด็นมาทับพระบาทพระพุทธองค์จนห้อพระโลหิต
สะเก็ดหินกระเด็นมาทับพระบาทพระพุทธองค์จนห้อพระโลหิต
    พระเทวทัตนั้นแยกอกไปตั้งนิกายใหม่และตั้งตนเป็นพระศาสดา เกิด เหตุแตกแยกในหมู่สงฆ์และชาวเมืองไปทั่วด้วยไม่รู้แยกแยะผิดชอบชั่วดี สร้างความวุ่นวายไปทั่วนครสาวัตถี “เฮ้ยพวกเราหันไปอยู่กับนิกายพระเทวทัตดีกว่า สบายกว่ากันเยอะเลย” “ใช่ๆ เราขอตามไปอยู่กับพระเทวทัตด้วยคนนะท่าน เบื่อแล้วที่นี่นะไม่อยากจะอยู่แล้ว”
ฝูงช้างตกมันเกรี้ยวกราดดุร้ายเมื่อมาถึง หน้าพระพักตร์พระพุทธองค์ก็สงบนิ่ง
ฝูงช้างตกมันเกรี้ยวกราดดุร้ายเมื่อมาถึงหน้าพระพักตร์พระพุทธองค์ก็สงบนิ่ง
  
      “เฮ้อ ผู้คนต่างแบ่งแยกเป็นสองฝ่ายกระผมละกลุ่มใจมองไปทางไหนเห็นแต่ผู้คนทะเลาะ กัน ไม่สามัคคีกันดังแต่ก่อนเลย” “เหตุนี้เป็นเพราะพระเทวทัตตั้งตนเป็นศาสดาองค์ใหม่ ตั้งแต่เกิดนิกายขึ้นมาใหม่คนก็สับสนพากันไปเคารพนับถือพระเทวทัตมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่พระเจ้าอชาตศัตรูก็ยังทรงโปรดปรานให้ความเคารพ” “มิหน่ำซ้ำพระเทวทัตยังไม่ทรงลดมานะทิฐิคิดแต่จะปองร้ายพระศาสดา
พระเทวทัตคิดวางแผนที่จะกระทำการ พุทธประหารพระพุทธองค์ตลอดเวลา 
พระเทวทัตคิดวางแผนที่จะกระทำการพุทธประหารพระพุทธองค์ตลอดเวลา
   
    แล้วอย่างนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดีละท่าน ขืนปล่อยไว้อย่างนี้แล้วพระพุทธศาสนาที่แท้มิมีแต่จะต้องสูญไปรึท่าน” พระเชตวันอารามหลวงในยามนั้นคุกรุ่นด้วยความทุกข์ร้อนและกลิ่นอายแห่งโทสะอันเป็นศัตรูร้ายของการปฏิบัติธรรม สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเข้าพระทัยในความจงรักภักดีของสงฆ์สาวกทั้งหลาย พระองค์จึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตรัสให้บรรดาเหล่าสาวกคลายความวิตกกังวลลง
บรรดาพระภิกษุต่างพากันวิตกกังวลในเรื่อง การตั้งนิกายใหม่ของพระเทวทัต
บรรดาพระภิกษุต่างพากันวิตกกังวลในเรื่องการตั้งนิกายใหม่ของพระเทวทัต
     พระองค์ตรัสปลอบโยนบรรดาสาวกทั้งหลายว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตตะเกียกตะกายเพื่อจะฆ่าเรา แม้ในกาลก่อนก็เคยตะเกียกตะกายมาแล้วเหมือนกัน แต่ก็มิอาจกระทำเหตุเพียง ความสะดุ้งกลัวแก่เราได้เลย” พระ พุทธองค์ทรงรำลึกถึงอดีตชาติด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณตรัสเล่าชาดกเมื่อครั้ง เสวยพระชาติเป็นพญาวานรอยู่ในป่าใหญ่ดังนี้ ในอดีตกาล ณ ป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์มีพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาวานร
พระพุทธองค์ทรงตรัสปลอบโยนบรรดาสาวก ให้คลายจากความวิตกเรื่องของพระเทวทัต
พระพุทธองค์ทรงตรัสปลอบโยนบรรดาสาวกให้คลายจากความวิตกเรื่องของพระเทวทัต
    มีรูปร่างใหญ่โตเปี่ยมด้วยพละกำลังและมากด้วยสติปัญญาเฉลียว ฉลาดออกหากินอยู่เพียงลำพังริมฝั่งใกล้แม่น้ำ กลางแม่น้ำนั้นมีเกาะซึ่งเต็มไปด้วยผลไม้นานาชนิด “ฝั่งโน้นเต็มไปด้วยผลไม้มากมาย เอ้..แต่เราจะข้ามไปยังไงดีนะ ใช้หมองๆ” พญาวานรสอดส่ายสายตาคิดหาหนทางข้ามไปยังเกาะกลางแม่น้ำ ทันใดนั้นเองก็เหลือบไปเห็นโขดหินโผล่พ้นน้ำ

พญาวานรซึ่งมีพละกำลังมหาศาล และมีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง
พญาวานรซึ่งมีพละกำลังมหาศาลและมีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง
    “โฮ้ โขดหิน มันมีแผ่นหินที่โผล่อยู่กลางน้ำ เราสามารถกระโดดไปพักได้นี่น่า แล้วค่อยกระโดดข้ามไปเกาะกลางแม่น้ำได้ โอ้โห๊ย ฉลาดจริงๆ เลยเรา ข้าขอเหยียบแผ่นหลังเจ้าไปก่อนนะเจ้าแผ่นหิน ฮิๆ คราวนี้แหละเจ้าผลไม้เอ๋ย เดี๋ยวข้าจะกินให้พุงกางไปเลย” แต่ นั้นเป็นต้นมาพญาวานร ก็อาศัยแผ่นหินกลางแม่น้ำเป็นที่พักเท้า และกระโดดไปยังเกาะกลางแม่น้ำเพื่อเก็บผลไม้กินเป็นอาหารอย่างปลอดภัยทุกวัน
พญาวานรมองเห็นผลไม้หลากหลายชนิด ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ตนอยู่
พญาวานรมองเห็นผลไม้หลากหลายชนิดซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ตนอยู่
   
     “ขอข้าข้ามไปหน่อยนะเจ้าแผ่นหิน เอ้า..1..2..กระโดด หื้อ..มันชั่งง่ายดายอะไรเช่นนี้ ฮืม..อร่อยๆๆ ทั้งกล้วย ฝรั่ง เงาะ ลางสาด นี่ก็ลูกตะขบ โห้..มันช่างมากมายอะไรเช่นนี้” แม่น้ำอันกว้างใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเกาะกลางแม่น้ำ ยังมีจระเข้ใหญ่สองผัวเมียคอยจับเหล่าสัตว์เคราะห์ร้ายกินเป็นอาหารอยู่เสมอ ในระหว่างนั้นนางจระเข้กำลังตั้งท้อง และเกิดอาการแพ้ท้องอยากกินอาหารไปสารพัด วันหนึ่งในขณะที่นางกำลังจับปลากินอยู่นั้น
  
พญาวานรคิดหาหนทางในการที่จะข้ามไปกินผลไม้อีกฝั่ง
พญาวานรคิดหาหนทางในการที่จะข้ามไปกินผลไม้อีกฝั่ง
    สายตาก็เหลือบไปเห็นพญาวานรกำลังกระโจนไปยังเกาะกลางแม่น้ำเข้าพอดี  “ห๊า!!.. นั่นมันพญาวานรนี่น่า..เปรี้ยวปาก” ด้วยบุพกรรมในชาติปางก่อนได้ชักนำให้นางจระเข้เกิดอยากกินหัวใจของพญาวานร ขึ้นมาในทันที “พี่จ๋า..น้องแพ้ท้องมาก อยากกินหัวใจของพญาวานรตัวนั้นเหลือเกิน พี่ไปจับมาให้น้องกินหน่อยนะจ๊ะ” “โอ้ย..น้องหญิงจ๋า..พญาวานรตัวนี้นะปราดเปรียวว่องไวเหลือเกิน
พญาวานรอาศัยแผ่นหินกลางแม่น้ำเป็นที่พัก ก่อนจะกระโดดข้ามไปยังอีกฝั่ง
พญาวานรอาศัยแผ่นหินกลางแม่น้ำเป็นที่พักก่อนจะกระโดดข้ามไปยังอีกฝั่ง
    คงจะจับยากน่าดูเลยนะน้อง พี่ว่าน้องหันไปกินอย่างอื่นแทนดีไหม๊จ๊ะ” “ไม่เอา..น้องอยากกินหัวใจพญาวานรตัวนั้นน่ะ...นะๆๆๆ พี่จับมาให้กินหน่อยนะ จะได้เอามาบำรุงลูกๆ ในท้องไง” “จ๊ะๆๆ จ๊ะ ถ้าน้องอยากกินหัวใจของมันแล้วละก็ เดี๋ยวพี่จะไปเอามาให้น้องเอง เพื่อลูกเพื่อเมียพี่ทำได้ทุกอย่าง อย่าร้องนะจ๊ะ เดี๋ยวกระทบกระเทือนถึงลูกในท้องของเรา อู๊ย..อย่าร้องนะจ๊ะน้องหญิง”
พญาวานรได้กินผลไม้สมใจตามที่ตนต้องการ
พญาวานรได้กินผลไม้สมใจตามที่ตนต้องการ
  
  จระเข้ตัวผู้สงสารเมียรับปากจับพญาวานรมาให้ได้ “เฮ้ย..จะทำยังไงดีน๊า..ถึงจะจับตัวพญาวานรตัวนั้นมาให้น้องหญิงของเรากิน ได้ เฮ้อ...โอ้..คิดออกแล้ว..เฮอะๆ ๆ ฮ่ะๆ ฮ่า เจ้าจ๋อเอ๋ย เสร็จเราแน่ๆ เฮอะๆ ๆ ฮ่ะๆ ฮ่า” วิธีฉลาดของจระเข้ก็คือแอบไปนอนแล้วเอาหัวเกยทับแผ่นหินกลางแม่น้ำแล้วนิ่ง ให้พญาวานรหลงกลกระโดดข้ามมาหา    
จระเข้สองผัวเมียอาศัยอยู่กลางแม่น้ำและมองเห็น พฤติกรรมของพญาวานรโดยตลอด
จระเข้สองผัวเมียอาศัยอยู่กลางแม่น้ำและมองเห็นพฤติกรรมของพญาวานรโดยตลอด
  แต่ มันก็หารู้ไม่ว่ามันก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาเจ้าสังเกตของพญาวานรหนุ่มไปได้ “เอ้..ทำไมวันนี้แผ่นหินกลางน้ำดูแปลกๆไปแฮะ ชะรอยจะเป็นเจ้าจระเข้ปลอมตัวมาเป็นหินหรือเปล่าน๊า”  เมื่อ คิดได้ดังนั้นพญาวานรก็แสร้งวางอุบายทักทายแผ่นหินนั้นเหมือนอย่างเคย “แผ่นหินเอ้ย เจ้าแผ่นหินเอ๋ย บอกข้าหน่อยซิ วันนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
จระเข้ตัวเมียแพ้ท้องและอยากกินหัวใจของพญาวานร
จระเข้ตัวเมียแพ้ท้องและอยากกินหัวใจของพญาวานร
   จระเข้ หนุ่มได้ยินดังนั้นก็เกิดความสงสัยแต่ก็ยังนิ่งเฉยอดทน จนในที่สุดก็หลงกลพญาวานรเข้าจนได้ “เจ้าแผ่นหินเอ้ย ทำไมเจ้าไม่ขานรับข้าเหมือนทุกครั้งล่ะ ข้าจะได้กระโดดไปหาเจ้าซะที” “จ้า..พ่อพญาวานร มีอะไรเหรอจ๊ะ วันนี้พ่อมาซะเย็นเลยน่ะ จะกลับฝั่งหรือยังละ พ่อกระโดดลงมาบนแผ่นหลังของข้าได้เลยนะ แผ่นหินอย่างข้าพร้อมรองรับเจ้ามานานแล้ว” 
จระเข้ตัวผู้คิดหาทางที่จะจับพญาวานรมาให้เมียรักของตน
จระเข้ตัวผู้คิดหาทางที่จะจับพญาวานรมาให้เมียรักของตน
    “อะๆ...อ่ะ..ที่แท้ก็เป็นเจ้าจระเข้หน้าโง่นี่เอง นึกแล้วไม่มีผิด หึๆๆ ไงล่ะในที่สุดก็เสียทีข้าจนได้” “ฮึย..เสียที่มันจนได้ เออข้าไม้แสร้งเป็นแผ่นหินแล้วก็ได้ แต่ยังไงซะ เจ้าก็ไม่มีทางที่จะกลับไปฝั่งโน้นได้อย่างแน่นอน ฮึๆ ฮ่าๆ วันนี้ข้าจะต้องเอาหัวใจเจ้าไปให้เมียข้ากินให้ได้ ฮึๆ ฮ่าๆ” เจ้าจระเข้หนุ่มไม่ลดละความพยายามยังคงลอยตัวเฝ้าดูพญาวานรอย่างไม่คลาดสายตา
พญาวานรสังเกตเห็นความผิดปกติในพฤติกรรมของจระเข้
พญาวานรสังเกตเห็นความผิดปกติในพฤติกรรมของจระเข้
  
    พญาวานรคิดว่าคงไม่สามารถข้ามกลับไปได้อย่างแน่นอนจึงใช้สติปัญญาคิดวางกล อุบายเพื่อเอาตัวรอดอีกครั้งหนึ่ง “ปล่อยไว้อย่างนี้เห็นทีเราคงข้ามกลับไปไม่ได้แน่ๆ ทำยังไงดีน่า...อ้อ..คิดออกแล้ว..ฮ่ะๆๆ ท่านจระเข้ไหนๆ ข้าคงไม่รอดคมเขี้ยวของเจ้าไปได้แล้วยัง ไงซะ ให้ท่านนะช่วยสงเคราะห์อะไรข้าสักอย่างได้ไหม๊ นึกว่าช่วยข้าก่อนตายนะท่าน” “ฮึๆๆ ฮ่าๆๆ ก็ได้ ว่าแต่เจ้าขออะไรก็รีบว่ามาเมียข้าหิวแล้ว”
พญาวานรแสร้งทำเป็นพูดกับแผ่นหิน เพื่อทดสอบว่าเป็นแผ่นหินจริงหรือปลอม
พญาวานรแสร้งทำเป็นพูดกับแผ่นหินเพื่อทดสอบว่าเป็นแผ่นหินจริงหรือปลอม
   
    “ท่านจระเข้ตอนที่ท่านจะกัดข้านะ อย่าให้ข้าต้องทรมานเลยนะ ข้ากลัวเจ็บน่ะ ท่านช่วยอ้าปากกว้างๆ รอไว้เถอะเดี๋ยวเราจะกระโดดลงไปเอง ท่านจะได้สบายไม่ต้องออกแรงกัดให้เมื่อยกร้ามนะท่านนะ” “แค่ นี้เองหรอกรึ ได้เลยๆ เดี๋ยวข้าจัดให้ ว่าแต่เจ้าต้องกระ โดดลงมาจริงๆ นะ อย่ามาเบี้ยวข้าแล้วกัน” “ข้าเนี่ยเป็นถึงพญาวานรต้องรัก ษาสัจจะอยู่แล้ว ท่านไม่ต้องห่วง”  
พญาวานรยินยอมที่จะใช้ร่างกายของตนเป็นอาหารของจระเข้
พญาวานรยินยอมที่จะใช้ร่างกายของตนเป็นอาหารของจระเข้
    “งั้นพอข้าอ้าปากเจ้ากระโดดลงมาได้เลย” พญาวานรนั้น รู้ว่าขณะที่จระเข้อ้าปากตาของมันจะปิดลงโดยธรรมชาติ ตนจึงรวบรวมกำลังตั้งท่ารอ พอได้จังหวะที่จระเข้อ้าปากก็กระโจรเหยียบหัวจระเข้ตอนที่มันยังหลับตาอยู่แล้ว ใช้ความว่องไวกระโจนไปยังฝั่งตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว “ฮับ!!...เอ้า เฮ้ย งับลมเฉยเลยเรา โห้ย..พลาดจนได้ ไม่น่าหลงกลมันเลย โอ้ยเสียทีอีกแล้ว” 
   
พญาวานรใช้ช่วงเวลาที่จระเข้อ้าปาก กระโดดข้ามไปยังอีกฝั่งทันที
พญาวานรใช้ช่วงเวลาที่จระเข้อ้าปากกระโดดข้ามไปยังอีกฝั่งทันที
  
     จระเข้หนุ่มเห็นเหตุอันวานรได้กระทำเป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนักเพราะพญาวานรเปี่ยมไปด้วยธรรม 4 ประการ อันได้แก่ สัจจะ คือการพูดแล้วกระทำจริง จาคะ คือมีความกล้าเสี่ยง ธิติ คือความเพียรและประการสุดท้ายคือ ตั้งมั่นในธรรม สามารถวิเคราะห์รู้ถึงผลการกระทำได้ไม่ผิดพลาด ธรรมทั้ง 4_ประการนี้พึงมีแก่บุคคลใด บุคคลนั้นย่อมครอบงำศัตรูก้าวล่วงพ้นภัยไปได้
จระเข้ทั้งสองอยู่กันอย่างมีความสุข และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพญาวานรอีกเลย
จระเข้ทั้งสองอยู่กันอย่างมีความสุขและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพญาวานรอีกเลย
  จระเข้สรรเสริญพระโพธิสัตว์ดังนี้แล้วก็ไปที่อยู่ของตน จระเข้หนุ่มนั้นมิได้เคืองโกรธ กลับจากไปด้วยความยกย่อง “ฮะฮ่า ข้าไม่ได้โกหกเจ้านะ ข้ากระโดดลงมาแล้ว แต่เจ้างับไม่ทันเอง ช่วยไม่ได้” “เจ้า นี่ชั่งฉลาดเป็นกรดจริงๆ ถึงเจ้าจะเป็นแค่วานรตัวกระจ้อยแต่ก็มีความกล้าหาญเพียรพญายามรักษาสัจจะที่ ให้ไว้กับเราอย่างไม่กลัวตาย เอาเถิดเราจะไม่กินเจ้าแล้วก็ได้” จระเข้กล่าวสรรเสริญพญาวานรพระโพธิสัตว์แล้วก็กลับไปหานางจระเข้เมียรักยัง ที่อยู่ของตน ตั้งแต่นั้นมาทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก
พญาวานรข้ามฝั่งไปกินผลไม้ได้ตามปกติ โดยไม่มีจระเข้มารบกวนอีกเลย
พญาวานรข้ามฝั่งไปกินผลไม้ได้ตามปกติโดยไม่มีจระเข้มารบกวนอีกเลย
  
    ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตอยู่ตามวิสัยจนสิ้นอายุขัย “อื้อหือ..ผลไม้สุกๆ เต็มไปหมดเลย อร่อยจริงๆ มีความสุข” “เมียจ๋า....ไม่ได้กินหัวใจของพญาวานรก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่หาอย่างอื่นให้กินแทนนะจ๊ะ อย่าโกรธเลยน่ะ” “จ๊ะ ตอนนี้น้องไม่อยากกินอะไรพิสดารแล้วหล่ะ เราไปหาของกินกันตามประสาเราเถอะจ๊ะพี่” “จ้า เมียรักของพี่”
ในพุทธกาลต่อมา
พญาจระเข้กำเนิดเป็น พระเทวทัต
นางจระเข้ กำเนิดเป็น นางจิญจมาณวิกา
พญาวานร เสวยพระชาติ เป็น พระพุทธเจ้า
พระคาถาประจำชาดก
ยสฺเสเต จตุโร ธมมา วานรินฺท ยถา ตว
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค ฑิฏฺฐํ โส อติวตฺตติ
พานรินธรรม 4 ประการเหล่านี้ สัจจะ ทมะ ธิติ และจาคะ
มีแก่บุคคลใด เหมือนมีแก่ท่าน
บุคคลนั้นย่อมพ้นศัตรูไปได้

http://dmc.tv/a11547