วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จันทกินรีชาดก-ชาดกว่าด้วยความผูกพันจงรักภักดี

 เจ้าเมืองนักล่าสัตว์ผู้ทำลายความสุขของผู้อื่นเพื่อความสุขของตน
    ครั้งเมื่อพระพุทธศาสดาเสด็จสู่แคว้นสักกะแห่งศากยวงศ์ พร้อมพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องซ้ายและขวาและสังฆสาวกทั้งมวล พุทธกาลครั้งนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์นคร หลวงของแคว้นสักกะ เพื่อแสดงธรรมโปรดพระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จมายังกรุงกบิลพัสดุ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จมายังกรุงกบิลพัสดุ์
   
    เมื่อพระองค์เสด็จมาถึงพระเจ้าสุทโธทนะและพระประยูรญาติทูลนิมนต์เสด็จเข้า ประทับยังพระราชนิเวศน์ตามประเพณี “ศากยวงศ์ของเราเตรียมพระพุทธอาสน์ไว้เป็นอันดีแล้วยังพระราชฐานชั้นในพระพุทธเจ้าคะ” “ขออาราธนาพระพุทธองค์เสด็จโปรดยังเขตระโหฐานชั้นในด้วยเถิดพระเจ้าคะ”
พระนางยโสธราทรงรอคอยการเสด็จกลับมาของเจ้าชายสิทธัตถะ
พระนางยโสธราทรงรอคอยการเสด็จกลับมาของเจ้าชายสิทธัตถะ
  
    การทูลนิมนต์ให้เสด็จโปรดราชนิกูลเขตระโหฐานชั้นในครั้งนั้นเพราะพระประยูรญาติต้องการดับทุกข์โศกแห่งพระนางยโสธราพิมพาผู้เคยเป็นมเหสีในพระสิทธัตถะนั่นเอง “อันยโสธราพิมพานั้นมีจิตใจภักดีมั่นคงเหลือเกิน ขณะที่พระศาสดาเจ้าออกผนวชนั้น ก็มิได้มีความสุขสำราญได้สักวันเดียว
เจ้าชายต่างเมืองล้วนมีใจปฏิพัทธ์ต่อพระนางยโสธรา
เจ้าชายต่างเมืองล้วนมีใจปฏิพัทธ์ต่อพระนางยโสธรา
  
    เธอเก็บพระองค์เงียบอยู่แต่ในพระราชฐานที่ประทับ ทุกทิวาราตรีก็ไม่มีเสียงเพลงพิณขับกล่อมดังที่เคยเป็น แม้ความงดงามและจริยาวัตรเป็นที่เลื่องลือมานานปี แต่พระนางก็หาได้ใยดีไม่ และไม่เคยแม้สักครั้งที่พระองค์จะยินดีต่อเจ้าชายเมืองใด” “ทำไม?..พระนางยโสธราพิมพาช่างไม่สนใจใยดีเราแม้สักนิด”
พระนางยโสธราก้มกราบแทบพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนางยโสธราก้มกราบแทบพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  
    “เฮ้ย เราก็ดูสง่างามภูมิฐานขนาดนี้ พระนางก็ยังไม่เหลียวแล” “พระนางซื่อสัตย์และมั่นคงน่ายกย่องยิ่งนัก เฮ้อ..เราคงหมดหวังแล้วสิเนี่ย” เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จถึงพระตำหนักชั้นใน พระนางยโสธราพิมพาก็ทรุดองค์ลงกราบแทบพระบาท กรรแสงร่ำไห้ต่อหน้าพระพักตร์ตามวิสัยสตรี
พระเจ้าสุทโธทนะและพระนางยโสธราได้อาราธนา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม
พระเจ้าสุทโธทนะและพระนางยโสธราได้อาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม
    “หม่อมชั้นดีพระทัยที่พระองค์เสด็จมาเพคะ” เพื่อ บรรเทาความเสียใจ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงความดีของพระนางขึ้นเป็นข้อสังเกต แล้วตรัสถึงอดีตชาติหนึ่งที่เคยใช้ชีวิตคู่กันยังภูเขาคันธมาส ซึ่งพระนางพิมพาขณะนั้นก็จงรักภัคดีต่อพระองค์มิได้ด้อยกว่ากาลเวลานี้เลย
เจ้าเมืองผู้มีนิสัยโปรดปรานการล่าสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ
เจ้าเมืองผู้มีนิสัยโปรดปรานการล่าสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ
    หลายภพหลายชาติผ่านมาเธอเคยร่วมทุกข์สุขแม้กระทั่งเสียสละชีวิตให้กันก็เคย มาสิ้นแล้ว ตรัสดังนั้นพระเจ้าสุทโธทนะพระประยูรญาติฝ่ายศากยวงศ์และพระนางยโสธราพิมพา จึงใคร่ทราบเรื่องราวในอดีตนั้นยิ่งนัก “ขออาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมนี้เพื่อประโยชน์แห่งปัญญาของปวงข้าด้วยเถิด”
เจ้าเมืองนำสัตว์ที่ล่าได้มากินเป็นอาหาร

เจ้าเมืองนำสัตว์ที่ล่าได้มากินเป็นอาหาร
    “ชาดกนั้นเป็นเช่นไรเพคะ” สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณตรัส จันทกินรีชาดกขึ้น ไกลจากคงคามหานทีไปทางเหนือ ยังมีป่าใหญ่ไพรกว้างอันอุดมสมบูรณ์อยู่นอกพระนครไปจรดภูผาสูง เจ้าเมืองผู้ครองนครยังหนุ่มฉกรรจ์ และโปรดปรานการล่าสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ ฆ่าสัตว์ได้ก็ทำอาหารกินในป่า
คนภูเขาเผ่าพันธุ์กินรีอาศัยอยู่บนภูเขาคันธมาส
คนภูเขาเผ่าพันธุ์กินรีอาศัยอยู่บนภูเขาคันธมาส
    “วันนี้อากาศสดชื่นท้องฟ้าสดใส ล่านกมาย่างดีกว่า ฮะฮ่าฮาฮ้า...มีความสุขจริงๆ” ครั้งหนึ่งเจ้าเมืองผู้โหดร้ายออกล่าสัตว์ไปยังป่าเชิงเขาคันธมาส ที่นี่มีสัตว์ป่าชุกชุมเพราะชาวป่าที่อยู่บนภูเขาไม่นิยมฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การมาของนักฆ่าผู้นี้จึงเป็นเรื่องเลวร้ายอันปรากฏขึ้นที่นี่ “อือ..อร่อยจริงๆ ตัวก็ใหญ่ เนื้อก็หวาน”
สามีภรรยาเผ่าพันธุ์กินรีลงมาพักผ่อนยังป่าเบื้องล่าง
สามีภรรยาเผ่าพันธุ์กินรีลงมาพักผ่อนยังป่าเบื้องล่าง
    บนภูเขาสูงที่ชื่อว่าคันธมาสนั้นอบอวลด้วยกลิ่นสมุนไพรหอมเป็นที่อยู่ของคนภูเขาซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเผ่าพันธุ์กินรี ทุกครอบครัวอยู่ กินกันอย่างมีความสุข ในฤดูฝนจะพากันเก็บตัวอยู่บนนั้น เข้าสู่ฤดูหนาวถึงจะพากันทยอยกันลงมาหาอาหารยังผืนป่าเบื้องล่าง กินรีเหล่านี้ยังมีสามีภรรยาคู่หนึ่งวิวาห์อยู่กินกันมาไม่นานนัก
ภรรยาสาวทำพวงมาลัยให้สามีตน เป็นสัญญารักระหว่างกัน
ภรรยาสาวทำพวงมาลัยให้สามีตนเป็นสัญญารักระหว่างกัน
  
    ฤดูหนาวครั้งนี้ทั้งสองเพิ่งลงมาพักผ่อนหย่อนใจด้วยกันเป็นครั้งแรก ต่างคลอเคลียเจรจาภาษารักไพเราะป่านนกป่าขับเพลงแห่งพงไพร “แม่คุณของพี่ ขอพี่สัมผัสแก้มหอมๆ อีกหน่อยนะจ๊ะ พี่อยากรู้ว่าดอกไม้ช่อนี้ยังจะสู้กลิ่นแก้มของน้องได้ไหม๊” “อุ๊ย!..ไม่ได้หรอก พี่นะต้องไปหาดอกไม้มาให้เยอะกว่านี้ก่อนจ๊ะ น้องถึงจะยอม
เจ้าเมืองนักล่าสัตว์เดินทางผ่านมาและได้ พบกับคู่สามีภรรยาเผ่าพันธุ์กินรี
เจ้าเมืองนักล่าสัตว์เดินทางผ่านมาและได้พบกับคู่สามีภรรยาเผ่าพันธุ์กินรี
    พี่จ๊ะสวมพวงมาลัยนี้ซิ น้องทำให้พี่ถือว่าเป็นพวงมาลัยสัญญาระหว่างเรา ว่าเราจะมีความสุขด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป ทุกฤดูเราจะดูแลกันและกันอย่างนี้นะจ๊ะ” “ได้ซิจ๊ะ พี่สัญญาต่อเจ้าป่าเจ้าเขาเทพดาผู้รักษาป่าไว้แล้วจ๊ะ ว่าจะเป็นกินนรกินรีที่คู่กันจนตายจาก” “พี่อย่าพูดเป็นลางอย่างนี้ซิจ๊ะ ที่นี่ร่มรื่นดีจังเลยนะพี่ นกร้องขับขาน ฟังแล้วมีความสุข พี่ว่าไหม๊จ๊ะ”
ชายหนุ่มเผ่าพันธุ์กินรีถูกยิงด้วยธนูจากฝือของเจ้าเมืองนักล่าสัตว์
ชายหนุ่มเผ่าพันธุ์กินรีถูกยิงด้วยธนูจากฝือของเจ้าเมืองนักล่าสัตว์
  
    “ที่ไหนที่ที่มีน้องอยู่ด้วย พี่ก็มีความสุขทั้งนั้นแหละจ้า” สาวหนุ่มยามหัวใจเบิกบานด้วยความรัก ป่าเขาลำเนาไพรก็กลายเป็นสวรรค์ ทั้งสองขับเพลงแห่งความสุขมาประสานกันเสียงระงมไพร สาวขับร้อง หนุ่มตีเกราะเคาะไม้เป็นดนตรีโดยไม่มีใครสัมผัสกับภัยร้ายที่พานมาพบเข้าเลย สักน้อย มหาภัยผู้นี้ก็คือเจ้าเมืองนักล่าสัตว์ที่เคราะห์กรรมชักนำมานี่เอง
หญิงสาวตกใจยิ่งนักที่สามีของตนถูกยิงต่อหน้าต่อตา
หญิงสาวตกใจยิ่งนักที่สามีของตนถูกยิงต่อหน้าต่อตา
  
    “โอ้โฮ้..นางฟ้านางสวรรค์ตกมาอยู่ในป่าหรืออย่างไร ช่างสวยงามจับใจข้ายิ่งนัก เฮ้ย..นางมีเจ้าของแล้วรึเนี่ย ขวางหูขวางตาข้าซะเหลือเกิน อย่างนี้ต้องกำจัดทิ้ง นางงามคนนี้จะได้เป็นของข้า ฮ้า ฮา ฮ่า ๆๆๆๆ” “โอ๊ะ!!” จากความคิดวูบเดียว เจ้าเมืองก็ทำลายชีวิตชายหนุ่มลงเพียงเพื่อจะแย่งภรรยาเขา “ว๊าย!..ใคร..ใครทำร้ายพี่” “เจ้าหนีไปเร็วๆ เข้า” “ไม่!...ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับพี่”
ชายหนุ่มล้มลงสิ้นใจตายในอ้อมกอดของสาวคนรัก
ชายหนุ่มล้มลงสิ้นใจตายในอ้อมกอดของสาวคนรัก
    ความสุขทั้งหมดพลันสลายลง เมื่อหนุ่มชาวภูเขาล้มลงนอนในอ้อมกอดสาวคนรัก ตัวสั่นระริกอย่างเจ็บปวด “ฮือๆๆ พี่ต้องไม่เป็นไรนะ แล้วน้องจะช่วยพี่ยังไงดี ฮือๆๆๆ” นางงามกรีดร้องปานถูกกรีดดวงใจในบัดนั้น “ฮือๆๆ มันผู้ใดช่างใจร้ายนัก ข้าและสามีไม่เคยทำชั่วใยต้องรับกรรมเช่นนี้ ฮือๆๆ” “เจ้าจะคร่ำครวญไปใยเล่าน้องคนสวย”
เจ้าเมืองนักล่าสัตว์พยายามเกลี้ยกล่อม หญิงสาวให้ไปใช้ชีวิตกับตนในเมือง
เจ้าเมืองนักล่าสัตว์พยายามเกลี้ยกล่อมหญิงสาวให้ไปใช้ชีวิตกับตนในเมือง
  
    “เจ้าคนใจชั่ว เราไปทำอะไรให้เจ้า ทำไมต้องเอาชีวิตกันด้วย” “ตัดใจเถิดคนงามเอ๋ย ทิ้งเจ้านั้นเสียแล้วไปเป็นท่านผู้หญิงของข้าซะเถอะ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี” “ไปตามทางของเจ้าไป คนใจบาปหยาบช้า สิ้นชายผู้นี้ไปเราก็ไม่ปรารถนาสิ่งใดอีกแล้ว” “เจ้าไม่สนใจแน่นะทั้งเสื้อผ้าแพรพันอย่างดีเลิศ เพชรนิลจินดาข้าทาสบริวารอีกมากมายในเวียงวังของข้านะ ฮ้า!...”
เจ้าเมืองถูกหญิงสาวปฏิเสธเจ้าเมืองก็จากไปอย่างไม่ใยดี
เจ้าเมืองถูกหญิงสาวปฏิเสธเจ้าเมืองก็จากไปอย่างไม่ใยดี
    “ปล่อยเราไว้ในป่านี้เถอะ นอกจากเขาแล้วเราไม่ขอแลกสิ่งใดอีกเลย” “ฮึ!..เล่นตัวจริงๆ เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า จะอยู่เป็นเมียลิงค่างกลางป่าต่อไปก็ตามใจ นางในรั้วในวังสวยกว่าเจ้ามีตั้งเยอะตั้งแยะ ข้าไม่ง้อก็ได้” เจ้าเมืองผู้หยาบช้าหันหลังกลับไปทิ้งให้สาวกินรีโศกเศร้าคร่ำครวญและรำพรรณถึงชายผู้เป็นที่รักจนน้ำตาเหือดแห้งอยู่อย่างนั้น
หญิงสาวอ้อนวอนต่อเทพผู้ทรงฤทธิ์ขอชีวิตสามีกลับคืนมา
หญิงสาวอ้อนวอนต่อเทพผู้ทรงฤทธิ์ขอชีวิตสามีกลับคืนมา
  
    “ฮือๆ ดอกไม้ทั้งป่า น้ำตกลำธารใสดูไร้ค่าไปสิ้นแล้ว เสียงนกขับร้องกับเรไรที่เคยกล่อมเราสอง บัดนี้มิได้ไพเราะน่าฟังอีกแล้วเช่นกัน ฮือๆๆ เทวดาอา รักเจ้าขา ข้าน้อยขอวิงวอน ขอเทพผู้ทรงฤทธิ์นำชีวิตคนรักแห่งข้ากลับมาด้วยเถิด เรามิควรต้องมาจากกันในวัยหนุ่มสาวเช่นนี้ ฮือๆๆ” ทุกข์เวทนานั้นสะท้อนสะท้านไปทุกอณูของพงไพร
เทพพิทักษ์ป่าทรงหลั่งน้ำอมฤตพร่างพรม ลงบนร่างของชายหนุ่ม
เทพพิทักษ์ป่าทรงหลั่งน้ำอมฤตพร่างพรมลงบนร่างของชายหนุ่ม
  
    และความรักรักบริสุทธิ์นี้ก็เป็นที่เห็นใจยิ่งของเทพเจ้าองค์หนึ่ง อมรินทร์เทพหรือพระอินทร์ได้รับรู้ความทรมารแห่งดวงใจนั้น จึงได้นิรมิตรกายปรากฏเป็นเทพพิทักษ์ป่าขึ้นเบื้องหน้า “ในที่สุด คำภาวนาของข้าน้อยก็ได้รับเมตตา ท่านเจ้าขาช่วยสัตว์ผู้ยากให้พ้นทุกข์ด้วย” องค์อินทร์ให้สาวงามตั้งจิตเป็นกุศล อธิษฐานขอทำความดีไปตลอดชีวิต
ร่างกายของชายหนุ่มกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ร่างกายของชายหนุ่มกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
    แล้วทรงรินน้ำอมฤตหลั่งลงประพรมร่างของกินนรหนุ่ม ด้วยอานภาพแห่งเทพก็บังเกิดรุ้งรัศมีเรืองรองขึ้นอย่างสวยงาม ครอบคลุมร่างไร้ชีวิตนั้น และเมื่ออมรินทร์เทพโอมอ่านพระเวทย์อีกครั้งร่างอันแน่นิ่งแข็งเป็นศพของ หนุ่มเคราะห์ร้ายก็นุ่มนิ่มมีสีสันแห่งชีวิตขึ้นทันที “เราคืนชีวิตให้แล้ว จงมีความสุขสวัสดีและอย่าได้ประมาทใช้สติพิจารณาทุกสิ่งให้ดีเถิด”
เทพพิทักษ์ป่าได้กล่าวเตือนว่า ป่าเบื้องล่างล้วนมีอันตรายมากมาย
เทพพิทักษ์ป่าได้กล่าวเตือนว่าป่าเบื้องล่างล้วนมีอันตรายมากมาย
  
    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย แผลจากการโดนยิงหายไปแล้ว โอ้..ข้าเหมือนเกิดใหม่” “มหัศจรรย์เทวะ ท่านคืนชีวิตที่รักข้าคืนมาแล้ว” “นี่เพราะอานุภาพแห่งรักและภักดีของผู้เป็นคู่บุพเพสันนิวาสกัน เราจึงใช้น้ำทิพย์ของสวรรค์ช่วยเหลือให้ ขอให้ท่านทั้งสองครองรักกันจนหมดอายุขัยในชาติภพนี้เถิด จงกลับไปอยู่บนภูเขาคันธมาสที่อยู่ของเจ้า แล้วอย่าได้ลงมาข้างล่างนี้อีกเลย
สองสามีภรรยากลับขึ้นภูเขาคันธมาสอย่างมีความสุข
สองสามีภรรยากลับขึ้นภูเขาคันธมาสอย่างมีความสุข
    ความอุดมสมบรูณ์ข้างล่างนี้ มีผู้คนใจบาปยื้อแย่งแข่งกันมากมายนัก” กาล ครั้งนั้น จึงเป็นครั้งเดียวที่สองสามีภรรยาลงจากภูเขามาหาพืชพันธ์สมุนไพรยังแผ่นดิน เบื้องล่าง เพราะชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปของคู่รักนี้ คือความสุขที่รออยู่บนภูเขาสูงที่ได้จากมานั่นเอง “พักก่อนไหมจ๊ะ เจ้าคงจะเหนื่อยแล้ว” “ไม่หรอกจ้า เรารีบกลับกันดีกว่าพี่คงเหนื่อยมากแล้วเดี๋ยวน้องนวดให้นะจ๊ะ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอริยสัจสี่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอริยสัจสี่
    ทั้งสองครองชีวิตอยู่คู่ในศีลธรรมจน หมดอายุขัยจากชาติภพนั้นไปในเวลาใกล้เคียงกัน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสชาดกจันทกินรีจบแล้วทรงแสดงอริยสัจสี่ พระนางยโสธราพิมพาเข้าถึงในพระธรรมนั้นโดยถ่องแท้ได้สำเร็จโสดาบัน
ในสมัยพุทธกาลนี้ เจ้าเมืองผู้โหดร้าย กำเนิดเป็น พระเทวทัต
พระอินทร์จอมเทพ กำเนิดเป็น พระอนุรุท
นางกินรีชาวป่า กำเนิดเป็น พระนางยโสธราพิมพา
กินนรหนุ่ม เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า

http://dmc.tv/a11710