พญาสุนัขผู้มีใจโอบอ้อมอารีมีความยุติธรรมช่วยเหลือเกื้อกูลหมู่ญาติ
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาลพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายนั่งสนทนากันอยู่ ณ เชตะวันมหาวิหาร ถึงเรื่องที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงช่วยให้พระประยูรญาติจำนวนมากได้บรรลุธรรมถึงความพ้นทุกข์ และในจำนวนนั้นมีพระประยูรญาติหลายพระองค์ได้มาเป็นกำลังใจในการเผยแพร่แผ่พระพุทธศาสนา มีพระอานนท์เป็นต้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่าชาดกแก่เหล่าภิกษุสงฆ์ ณ เชตวันมหาวิหาร
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบถึงข้อสนทนานั้น จึงตรัสว่า
“ดูก่อนว่าหมู่ภิกษุทั้งหลายมิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่ตถาคตได้นำประโยชน์
มาสู่หมู่ญาติ แม้ในกาลก่อนตถาคตก็เคยนำประโยชน์มาสู่หมู่ญาติแล้วเช่นกัน”
แล้วพระองค์ได้ทรงนำกุกกุรชาดกมาตรัสเล่าดังนี้ ในอดีตกาลสมัยพระเจ้าพรหมทัตปกครองกรุงพาราณสี
พระเจ้าพรหมทัตทรงเสด็จกลับจากการประพาสอุทยาน
พระองค์ทรงโปรดการเสด็จประพาสอุทยานมาก
วันหนึ่งพระองค์เสด็จประพาสพระอุทยานจนเวลาเย็นมากแล้วจึงเสด็จกลับ
“ทหารพระเจ้าพรหมทัตทรงเสด็จกลับมาแล้ว ถวายการต้อนรับเร็วเข้า”
“โอย..เหนื่อยจัง เข้าป่าตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเลยเนี่ย”
ในเย็นวันนั้นราชบุรุษไม่สามารถลากราชรถได้ จึงจอดทิ้งไว้นอนโรงรถ
ราชรถถูกจอดทิ้งไว้นอกโรงเก็บ
เสด็จขึ้นตำหนักเถิดพระเจ้าข้า ฝนใกล้จะตกแล้ว” “ฮึย!.
ฝนใกล้จะตกแล้วจอดทึ้งไว้ข้างนอกก่อนก็แล้วกันลากเก็บไม่ทันแล้ว”
คืนนั้นฝนตกทั่วพระนคร
ราชรถของพระเจ้าพรหมทัตที่จอดไว้นอกโรงเก็บก็ชุ่มไปด้วยน้ำฝน
หนังหุ้มเบาะของราชรถเมื่อถูกฝนก็อ่อนตัวลงและส่งกลิ่นเหม็นตุๆ
กลิ่นแบบนี้เป็นของโปรดสำหรับเหล่าสุนัข
ฝนตกทั่วพระนครราชรถที่จอดทิ้งไว้เปียกชุ่มไปด้วยฝน
ซึ่งสุนัขในวังฝูงหนึ่งได้กลิ่น “หือ..หอม
กลิ่นอะไรเนี่ยช่างหอมเหลือเกิน” “หอมเตะจมูกจริงๆ ทนไม่ไหวแล้ว
พวกเรา...ลุย” “เดินตามกลิ่นไป หอมๆๆๆ” ฝูง
สุนัขที่เหล่าราชบุรุษเลี้ยงไว้พากันวิ่งตามกลิ่นอันยั่วยวนใจนั้น
จนถึงโรงเก็บ “ฮ้าๆ พวกเราเจอแล้ว
โอ้..นี่มันเป็นกลิ่นเบาะหนังบนรถพระราชานี่เอง นี่แหละที่เราต้องการ ฮะ
ฮาฮ่า”
กลิ่นเบาะหนังของราชรถส่งกลิ่นโชยตลบอบอวลเป็นที่สนใจของสุนัขในวัง
“ตามหามานานในที่สุดก็พบ” “จะช้าทำไมเล่า ลุยเลยพวกเรา”
และแล้วเบาะหนังชุ่มน้ำก็กลายเป็นอาหารกินเล่นของเหล่าสุนัขในวัง “หือ
อร่อย อร่อยอย่างแรงเลย” “มันจริงๆ ทั้งเค็มทั้งมันอร่อยถูกใจ” “โอ๊ยพี่
แบ่งกันบ้างซิ ตรงนี่มันแทะอยากนะ” “กินมั่งๆ ขึ้นไม่ได้อ่ะ
ลากข้าขึ้นไปหน่อยซิ” “อะไรเนี่ย ไม่เรียกเลยแอบกินกับอยู่ 4 ตัว
สุนัขในวังพากันมารุมกัดกินเบาะหนังหุ้มราชรถอย่างเพลิดเพลิน
หลีกๆ ให้ข้ากินมั่ง”
รุ่งเช้าราชบุรุษมาเห็นหนังหุ้มเบาะราชรถอยู่ในสภาพขาดวิ่นไปทั้งคันเช่น
นั้นก็ตกใจ “เฮ้ย สุนัขที่ไหนมันกล้ามาทำอย่างนี้เนี่ย อ้อ
ต้องเป็นสุนัขนอกวังมันแอบเล็ดลอดเข้ามาทางท่อน้ำแน่ๆ
สุนัขไม่ได้รับการสั่งสอน ก็อย่างนี้แหละชั้นต่ำที่สุด
สู้สุนัขที่เราเลี้ยงมาในวังก็ไม่ได้ น่ารัก น่าเอ็นดูซื่อสัตย์มีสกุล”
ราชบุรุษต้องตกใจกับสภาพราชรถที่ถูกสุนัขกัดกินไปทั่วทั้งคัน
“ใช่แล้วขอรับ สุนัขที่เราเลี้ยงแต่ละตัวต่างได้รับการอบรมอย่างดี มันไม่ทำเรื่องอย่างนี้แน่” เมื่อ
ราชบุรุษคิดได้เช่นนั้น
จึงให้กรมวังนำเรื่องกราบบังคมทูลให้พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบ
“หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลพะยะค่ะ มีสุนัขจรจัดมันแอบเข้ามาในวัง
แล้วมันก็เข้ามากัดเบาะหนังราชรถพังเสียหายเลยพระเจ้าค่ะ” “บังอาจมาก
เจ้าจงสั่งทหารให้ไปฆ่าสุนัขทุกตัวที่พบ
กรมวังได้กราบทูลพระเจ้าพรหมทัตเรื่องราชรถที่ถูกกัดกินจากฝีมือสุนัข
เว้นไว้แต่สุนัขที่เลี้ยงไว้ในวังเท่านั้น” “พวกเรามีงานด่วน
ต้องฆ่าสุนัขจรจัดในวังให้หมด” “ฮิๆๆ สมน้ำหน้ามัน
บังอาจมาแทะเบาะหนังราชรถซะขนาดนั้น” “ชิ ตัวเองไม้รู้จักเก็บราชรถให้ดี
แล้วยังมาโทษสุนัขอีก” “ได้ยินเสียงใครนินทาแว่วๆ”
“นี่แน่ะต้องฆ่าให้หมดตามคำสั่ง ฮ่ะ ฮ้าๆ”
ในครั้งนั้นพวกสุนัขภายนอกราชวังถูกฆ่าตายมากมายราวใบไม้ร่วง
เหล่าทหารได้รับมอบหมายให้ฆ่าสุนัขทุกตัวที่พบเห็น
ตัวไหนที่ยังไม่ตายก็ต้องคอยหลบซ่อนอย่างทรมาน “เฮ้ยพวกเราหนีเร็ว เร้ว วิ่งหนีเร็ว” ใน
7 ราตรีนั้นนอกกำแพงกรุงพาราณสีดูจะไร้ร่างสุนัขใดที่มีชีวิตเหลืออยู่เลย
“เหอะๆ ๆ ฮ้าๆ เรานี่เก่งจริงๆ คนเดียวฆ่าสุนัขได้ตั้งหลายตัว
ต้องรีบฆ่าให้ตายให้หมดเมืองดีกว่า แต้มจะได้เพิ่ม เหอะๆ ๆ ฮ้าๆ”
“เอ้าอย่ามัวแต่คุยกันยังเหลือหมู่บ้านข้างหน้าอีก”
สุนัขนอกวังถูกทหารไล่ฆ่าอย่างไม่ปราณี
สุนัขทั้งหลายต้องอดอยากยากแค้นแสนสาหัส
มันทั้งหลายจึงคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากพญาสุนัขที่ป่าช้านอกเมือง
โดยหลบออกไปทางอุโมงค์ใต้ดิน “ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้แล้วพวกเรา ไปขอพึ่งบารมีพญาสุนัขกันเถอะ” “ใช่อยู่อย่างนี้ มีแต่ตายกะตาย เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว” “ไป เดินเข้าเร็ว อดทนอีกหน่อยพวกเรา”
นอกกำแพงกรุงพาราณสีมีแต่ร่างสุนัขที่ไร้วิญญาณ
เมื่อพญาสุนัขได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงปลอบโยนบริวารทั้งหลายให้หายวิตกและรับปากว่าจะช่วยสุนัขทุกตัวให้รอดชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยอย่างที่เคยเป็น “ท่าน
พญาสุนัขช่วยพวกเราให้รอดตายด้วยเราไม่อยากโดนตามฆ่าอย่างไม่มีความผิดเช่น
นี้” “ใช่ ทำไม่พวกทหารต้องมาฆ่าเราด้วยก็ไม่รู้
พี่น้องหมาของเราต้องสังเวยชีวิตอย่างไม่มีเหตุผลไปเยอะแล้ว”
สุนัขที่รอดตายหนีออกทางอุโมงค์ใต้ดินเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากพญาสุนัข
“เฮ้ย น่ากลัวเหลือเกิน” “เอาเถิด พวกเธอใจเย็นๆ ก่อน เราจะรับภาระนี้ช่วยพวกเธอเอง” แล้วพญาสุนัขก็ระลึกถึงบุญบารมี
ที่ตนได้สร้างสมมา ตั้งสัตยาธิษฐาน
“ด้วยบุญบารมีที่ข้าพเจ้าสร้างสมมาด้วยดีหนึ่งและจิตอันมีเมตตาเปี่ยมในสรรพ
สัตว์ทั้งหลายของข้าพเจ้าหนึ่ง ขอคุณงามความดีทั้งสองประการนี้
จงช่วยคุ้มครองข้าพเจ้าขณะเดินทางไปเฝ้าพระราชาด้วย
บรรดาสุนัขที่รอดชีวิตได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับพญาสุนัขได้ฟัง
อย่าให้มีใครทำร้ายหรือคิดร้ายต่อข้าพเจ้าเลย”
เมื่ออธิษฐานจิตแล้วพญาสุนัขจึงออกเดินทางไปยังพระราชวังทันที
ตลอดการเดินทางอันเร่งรีบนั้นมิได้รับอันตรายใดๆ เลย
เมื่อเล็ดลอดเข้าไปในพระราชวังได้แล้ว ก็ตรงไปยังท้องพระโรง
“เฮ้อ..มาถึงซะทีนะเรา” ด้วยแรงอธิษฐานทำให้พระเจ้าพรหมทัตทรงมีเมตตามิให้ผู้ใดทำร้าย
พญาสุนัขได้ปลอบโยนและได้รับปากที่จะช่วยเหลือต่อบริวารของตน
“ปล่อยให้เข้ามาเถอะ” “ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า
พระองค์ทรงให้ฆ่าสุนัขทุกตัวที่พบโดยมิได้ยกเว้นเลยหรือพระเจ้าคะ”
“เปล่า..สุนัขที่เราเลี้ยงไว้มิได้ถูกสั่งฆ่า” “ขอเดชะ
เมื่อครั้งแรกตรัสว่าให้ฆ่าสุนัขทุกตัว
แล้วเหตุใดจึงยกเว้นสุนัขในวังเล่าพระเจ้าคะ เช่นนี้พวกมิใช่ผู้ร้าย
กลับได้มรณะภัย”
“สุนัขที่เราเลี้ยงไว้ทุกตัวล้วนได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างดี
พญาสุนัขเดินทางมาถึงยังพระราชวัง
ย่อมจะไม่กัดหนังหุ้มราชรถของเราเอง เราจึงให้เว้นไว้
เจ้าบังอาจกล่าวว่าเราสั่งฆ่าสุนัขผู้บริสุทธิ์
รู้หรือไม่ว่าใครเป็นตัวการ”
“ข้าพระองค์รู้ว่าเป็นสุนัขในวังที่เป็นตัวการและสามารถพิสูจน์ได้พระเจ้า
คะ” เมื่อพระราชาให้พญาสุนัขทำการพิสูจน์
พญาสุนัขจึงขอให้ราชบุรุษนำหญ้ามาขยำกับน้ำมันเปรียงแล้วคั้นเอาแต่น้ำ
พญาสุนัขได้เข้าเฝ้าพระเจ้าพระเจ้าพรหมทัต
แล้วนำไปให้สุนัขในวังทุกตัวกิน “หือ..เหม็น
จัง กินแล้วต้องได้คลื่นไส้กันมั่งหละ มาลูกๆ มากินกันเร็ว
ทีนี้ก็จะได้รู้ละว่าใครเป็นตัวการ” “แหวะ..เหม็นจัง
เอาอะไรมาให้เรากินเนี่ย แค่ได้กลิ่นก็จะอ๊วกแล้ว ใครจะไปกินลง
อี๊ไม่เอา..ไม่กินๆ” “เหม็นๆๆ ไม่กินๆ” ราชบุรุษช่วยกันจับสุนัขทุกตัวในวังมากรอกยาใส่ปาก
ราชบุรุษนำหญ้ามาขยำกับน้ำมันเปรียงแล้วคั้นเอาแต่น้ำนำมาให้สุนัขกิน
สุนัขเหล่านั้นเมื่อได้กลืนยาเข้าไป
ก็สำรอกเอาชิ้นส่วนหนังหุ้มราชรถออกมามาจนหมด
“แหวะ..เอาอะไรมาให้กินก็ไม่รู้ เหม็นฮะ อ๊วก....ออกมาเป็นแผ่นเลย”
“เฮ้ย..นี่มันเบาะรถนี่น่า” พระเจ้าพรหมทัตทอดพระเนตรเห็นดังนั้นแล้ว
ก็เข้าพระทัยทุกอย่างได้อย่างแจ่มแจ้ง
พระองค์ทรงไว้วางพระทัยราชบุรุษมากเกินไป
สุนัขในวังสำรอกเอาชิ้นส่วนหนังหุ้มราชรถออกมา
ทรงมีความลำเอียงเพราะรักและเมตตาสุนัขที่พระองค์เลี้ยงไว้
จนทำให้ต้องสร้างบาปกรรมมากมาย “เราขอเนรเทศสุนัขในวังออกไปให้หมด
ยกเลิกการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทั้งปวงตั้งแต่บัดนี้” “พะยะคะ”
“น่าสงสารสุนัขที่พวกเราฆ่ามันไปนะ” “ยกโทษให้เราด้วยนะ...เราผิดไปแล้ว”
“สำหรับพญาสุนัขแม้จะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ก็มีจิตใจโอบอ้อมอารี
มีความอาจหาญยิ่งนัก
พญาสุนัขและบริวารได้รับการเลี้ยงดูจากพระเจ้าพรหมทัต
กล้าเอาชีวิตของตนเองเสี่ยงกับความตายเพื่อความยุติธรรม
เพื่อความสงบสุขของหมู่ญาติทั้งปวง จงมีความสุขจากการเลี้ยงดูของเราเถิด”
พระเจ้าพรหมทัตโปรดให้บำรุงเลี้ยงสุนัขทั้งหลายด้วยอาหารอย่างดีตลอดไป
และทรงห้ามมิให้ฆ่าสัตว์ทั้งหลายในกรุงพาราณสีด้วย
พญาสุนัขจึงแสดงทศพิธราชธรรมถวายและขอร้องให้พระองค์ตั้งมั่นอยู่ในศีล 5
พระเจ้าพรหมทัตและข้าราชบริพารเมื่อละโลกแล้วได้ไปบังเกิดในวิมานตามกำลังบุญของตน
ให้บำรุงพระชนกชนนี ดำรงอยู่ในความไม่ประมาทตลอดไป “อร่อยจัง
เพิ่งรู้ว่าอาหารในวัง อร่อยอย่างนี้นี่เอง
มิเสียแรงที่อุตส่าห์เอาชีวิตรอดมาได้ อร่อยๆ” “โห้..กินจนจุกไปหมดแล้ว
อิ่มสุดๆ”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระเจ้าพรหมทัตและข้าราชบริพารต่างประพฤติธรรมตามโอวาท
ของพญาสุนัข ครั้นละโลกไปแล้วต่างได้ไปบังเกิดในสรวงสวรรค์กันทั้งสิ้น
ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพรหมทัต ได้มาเป็น พระอานนท์
สุนัขที่เหลือ ได้มาเป็น พุทธบริษัททั้งหลาย
พญาสุนัข เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระคาถาประจำชาดก
เยกุกกุรา ราชกุลสฺมิ วฑฺฒา
โกเลยฺยกา วณฺณพลูปปนฺนา
เตเม น วชฺฌา มยมสฺม วชฺฌา
นายํ สมจฺจา ทุพฺพลมาติกายํ
สุนัขเหล่าใดอันบุคคลเลี้ยงไว้ในราชตระกูล
เป็นสัตว์มีเจ้าของสมบูรณ์ด้วยสีสันและกำลัง
สุนัขเหล่านั้นไม่ถูกฆ่า พวกเรากลับถูกฆ่า
เมื่อเป็นเช่นนี้จะว่าเที่ยงตรงคือฆ่าไม่เลือกหน้าได้อย่างไร
กลับเป็นการฆ่าไม่ปราณีเฉพาะสุนัขที่ไม่มีเจ้าของต่างหาก
CR : http://dmc.tv/a11844