นกกันทลกะต้องสิ้นชีวิตลงเหตุเพราะไม่รู้จักประมาณตนและไม่เชื่อในคำเตือนของสหาย
ณ เมืองสาวัตถี ขณะนั้นได้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในพุทธศาสนาขึ้น เมื่อพระเทวทัตคิดจะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง จึงกระทำอกุศลกรรมเพื่อให้ผู้คนหมดความเลื่อมใสในองค์พระศาสดา ครั้งหนึ่งเมื่อเจ้าชายเทวทัตได้ออกบวชแล้วได้โลกียา มีความชำนาญในอภิญญา จึงเกิดความกำเริบใจใช้ฤทธิ์แปลงกายเป็นพระศาสดา
เมืองสาวัตถีที่มีความสงบร่มเย็น
กระทำการกล่าวให้ร้ายในพรหมจรรย์ของพระพุทธองค์ อนุญาตให้สงฆ์สาวกฉันเนื้อสัตว์ที่ถูกนำมาถวายเป็นพระกระยาหาร “เนื้อหมูนี่ กระผมชำแหละเองกับมือ รสดีนัก เชิญฉันเถิด” และพระเทวทัตก็เริ่มต้นสร้างความเลื่อมใสด้วยการฉันมังสวิรัติ ให้เห็นว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ยินยอมให้พุทธสาวกปฏิบัตินั้นคือ ความเสื่อม
พระเทวทัตได้ใช้ฤทธิ์แปลงกายเป็นพระบรมศาสดา
“ฉันเนื้อสัตว์ผิดศีลยิ่งนัก เราขอฉันแต่ผลไม้พวกนี้ก็พอ” ยิ่งกว่านั้นพระเทวทัตยังคิดลอบปลงพระชนม์พระพุทธองค์แล้วจะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง “ฮ่ะ ฮะ ๆๆ เมื่อองค์พระศาสดาสิ้นลง พระศาสดาองค์ต่อไปก็ต้องเป็นเรา ฮ่ะ ฮา ฮ่าๆ” ความเลวร้ายของพระเทวทัตนั้นนักหนาจนแผ่นดินที่รองรับนั้นทนไม่ได้ จึงแยกตัวออกและสูบเอาพระเทวทัตตกสู่ขุมนรกอเวจี
พระเทวทัตสร้างความเลื่อมใสด้วยการฉันมังสวิรัติ
จึงเสวยอกุศลวิบากนานเท่านาน จนแทบจะนับกาลเวลาไม่ได้ เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนาทั้งในกลุ่มชาวเมืองสาวัตถีและในกลุ่มภิกษุสงฆ์ในวัดเชตวัน “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่เพียงชาติภพนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตเลียนแบบอยากเป็นเช่นเราแล้วเกิดความเสียหายในครั้งอดีตเช่นกัน แล้วองค์พระศาสดาก็ตรัสเล่า กันทคลกชาดก ดังนี้
พระเทวทัตได้คิดวางแผนลอบปลงพระชนม์พระศาสดา
ครั้งหนึ่งมีนกหัวขวานชื่อ กันทคลกะ อาศัยหากินอยู่ในป่าไม้ทองหลางแห่งหนึ่ง “ออกมาเป็นอาหารข้าซะดีๆ หนอนน้อย ก๊อกๆๆๆๆ ออกมาๆ เจ้าจะพ้นเงื้อมมือปากของข้าไปไม่ได้หรอก ก๊อกๆๆ ในที่สุดเจ้าก็กลายเป็นอาหารของข้า ฮัมๆๆ อร่อยจัง หาอีกดีกว่า หนอนในป่านี้ช่างอร่อยยิ่งนัก อยากรู้จังว่าป่าอื่นนะ รสชาติหนอนจะเป็นเช่นไรหนอ?
พระเทวทัตถูกธรณีสูบตกลงสู่ขุมนรกอเวจี
เฮ้อ...หากินอยู่แถวนี้ชักเบื่อๆ รสชาติหนอนที่นี่แล้ว ไปหาเจ้านกขทิรวนิยะเพื่อนซี้เราดีกว่า ป่าต้นตะเคียนที่นั่นคงมีหนอนรสชาติดีๆ บ้างละน่า” ณ ป่าต้นตะเคียนมีนกหัวขวานนาม ขทิรวนิยะ อาศัยอยู่ นกตัวนี้เป็นเพื่อนกับนก กันทคลกะ มาช้านาน แต่นกทั้งสองก็ต่างอาศัยอยู่กันคนละป่า นานๆ ครั้งจึงจะไปมาหาสู่กันซะที
เรื่องของพระเทวทัตได้ถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนาในกลุ่มชาวเมืองสาวัตถี
“อึม..รสชาติหนอนที่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิม เอ้..เป็นเพราะไม้ตะเคียนที่นี่หรือเปล่าน่า ที่รักษาความสดหวานของตัวหนอนได้ “ขทิรวนิยะ เพื่อนเกลอเอ๋ย หือ...กำลังกินหนอนอร่อยเชียวนะ เราคิดถึงเจ้านักจึงมาเยี่ยม” “อ้าว...เจ้ากันทคลกะ โอ้โห มาเยี่ยมข้าถึงนี่เชียว มาๆๆ ม๊ะ ข้ากำลังคิดถึงเจ้าอยู่พอดีเลย” “เป็นไงมาไงเนี่ย มาถึงนี่เชียว”
พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่ากันทคลกชาดกให้กับบรรดาภิกษุสงฆ์ในสาวัตถี
“เห้อ...ก็ข้ารู้สึกเบื่อๆ ที่ป่าไม้ทองหลางนั่นเงียบยังกับป่าช้า จะหาเพื่อนคุยน่ะก็อยาก” “อ้าฮ้า...ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ไหนๆ เจ้าก็มาแล้ว พักอยู่กับข้าที่ป่านี่สัก 2-3 วันเถิด เราจะชวนเจ้าคุยให้หายเหงาไปเลย” “ได้อยู่แล้ว เรากะจะมาหาหนอนอร่อยๆ กินด้วยแหละ รสชาติหนอนที่ป่าทองหลางน่ะ เริ่มจืดละ” “ได้เลย ข้าจะหาหนอนรสเลิศให้เจ้ากินเอง
นกหัวขวานกันทคลกะซึ่งอาศัยอยู่ในป่าไม้ทองหลาง
หนอนที่นี่อร่อยอย่าบอกใครเชียว” “โอ้ดีๆ อยากรู้นักว่าหนอนที่นี่ จะหวานอย่างที่เจ้าว่าจริงหรือเปล่า อย่าเสียเวลาเลย พาเราไปกินเถิด” “ได้ซิ แต่เราไปกินที่ต้นอื่นกันเถิด ต้นนี่โดนข้าเจาะไปตั้งหลายที่แหละ หนอนคงจะหมดแล้วหล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปกินที่ต้นไม้ใหญ่ในป่าด้านในโน้น ไปกันเถอะ” “ได้เล้ย”
นกหัวขวานขทิรวนิยะอาศัยอยู่ในป่าต้นตะเคียน
ด้วยความดีใจที่เพื่อนรักมาเยี่ยมนกขทิรวนิยะ จึงพาเพื่อนเกลอ บินเข้าไปในป่าใหญ่เพื่อหาหนอนกิน นกขทิรวนิยะ พาเพื่อนไปที่ต้นตะเคียนต้นหนึ่ง แล้วใช้จงอยปากเจาะต้นตะเคียนหาตัวหนอนเพื่อให้เพื่อนรักได้กิน “โอ้โห! หนอนตัวโตเชียว อือหือ..น๊ากิ้น น่ากิน” “หนอนที่ป่าตะเคียนนี่ ตัวโตกว่าที่ป่าของเจ้าใช่ไหมหล่ะ?
นกกันทคลกะได้บินมาหานกขทิรวนิยะเพื่อนรักของตนที่ป่าตะเคียน
ชิมดูซิ อร่อยหวานมากเลยนะ ลองแล้วจะติดใจ” “หือ...อร่อยมากเลย หวานจริงๆ ถึงว่าทำไมเจ้าถึงตัวอ้วนนัก มีหนอนรสชาติดีให้กินอย่างนี้นี่เอง” ฮะฮาฮ้า..เจ้าหาว่าข้าอ้วนเหรอ กินๆ ไปเถอะน่าอย่าพูดมากอยู่เลย” นกกันทคลกะ อาศัยอยู่กับนกขทิรวนิยะในป่าตะเคียนด้วยความสุข นกทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน
นกทั้งสองตัวได้พากันบินไปหาหนอนกินเป็นอาหารยังต้นตะเคียน
ตอนกลางวันก็ออกไปหาหนอนด้วยกัน ตอนเย็นก็กลับมาพักที่รังคุยกันจนหลับไป ทุกครั้งเมื่อนกทั้งสองออกหากิน นกขทิรวนิยะจะเป็นผู้เจาะต้นไม้หาหนอนให้นกกันทคลกะกินเสมอ จนวันหนึ่งนกกันทคลกะ อยากจะเจาะต้นไม้หาหนอนกินเองบ้าง “เพื่อนเอ๋ย ตั้งแต่เรามาเยี่ยมเจ้า เจ้าก็เป็นผู้หาหนอนให้ข้ากินทุกครั้ง มาวันนี้ข้าจะหาหนอนกินเองบ้าง เจ้าอย่าลำบากเลย”
นกขทิรวนิยะได้หาหนอนมาให้นกกันทคลกะเพื่อนของตนกินเป็นอาหาร
“อย่าเลย เจ้ามาหาข้าทั้งที ข้าก็ต้องเป็นฝ่ายดูแลเจ้าซิ อย่าได้เกรงใจเลย ข้ายินดีหาให้เจ้ากิน จะกินเท่าไหร่ก็ได้ ข้าไม่เหนื่อยหรอก” “อย่าเลย ข้าอยากหากินเองบ้าง มาอยู่กับเจ้าตั้ง 2-3 วันไม่ได้หากินเองบ้างเลย มันจะผิดวิสัยนกน่ะ” “เอาเถอะน่า เจ้าพักหากินสัก 2-3 วันจะเป็นไรไป ให้ข้าหาให้เจ้าน่ะ ดีแล้ว”
นกกันทคลกะได้พักค้างกับนกขทิรวนิยะเพื่อนรักของตน
“เจ้าอย่าปฏิเสธอย่างนั้นซิ เจ้าก็เป็นนก ข้าก็เป็นนก ยังไงข้าก็จะหากินเองบ้าง เจ้าอย่าขัดใจข้าเลย” “เจ้าจะหากินในป่าตะเคียนได้ไงเล่า ต้นไม้ในป่านี้ มันต่างกับป่าทองหลางที่เจ้าอาศัยอยู่นะ ลำต้นก็แข็งแรงผิดเพี้ยนกัน เจ้าจะเจาะได้เหรอ” “เจ้าหาว่าจงอยของข้าอ่อนกว่าของเจ้ารึ เจ้าขทิรวนิยะเจ้าเป็นนกหัวขวาน
นกกันทคลกะบอกนกขทิรวนิยะว่าตนจะลองเจาะหาหนอนจากต้นตะเคียนกินเองบ้าง
เราก็เป็นนกหัวขวานอย่างไรซะ ต้องมีจงอยปากเหมือนกัน ในเมื่อเจ้าเจาะได้ ข้าก็เจาะได้เช่นกัน” ถึงจะเป็นนกเหมือนกันก็เถอะ แต่ข้ากับเจ้าอาศัยอยู่ในป่าที่แตกต่างกันตั้งแต่เกิด ความแข็งแรงของจงอยปากก็ต้องต่างกันตามความแข็งแรงของต้นไม้ที่อยู่ในป่านั้นๆแหละ” “ฮึ!!..ไม่ต้องมาสั่งสอนข้าหรอก ในเมื่อเจ้าทำได้ ข้าก็ต้องทำได้”
นกกันทคลกะไม่ฟังคำเตือนของเพื่อนได้ใช้จงอยปากเจาะต้นตะเคียนอย่างสุดแรงเกิด
“สหาย..เจ้าก็อย่าได้ดื้อดึงเลย ป่านี้เป็นป่าของข้า ข้าหาหนอนเองจะง่ายกว่าเยอะเลย สหายเคยกินแต่ในป่าไม้ทองหลาง ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อนไม่มีแก่น แต่นี่เป็นป่าไม้ตะเคียนนะมีแก่นแข็ง แล้วสหายจะเจาะไหวเหรอ” “ไหวซิ เราเป็นนกหัวขวานเหมือนกันนี่น่า เจ้าคอยดูเถอะเราจะเจาะหาหนอนตัวโตมาให้เจ้าดู
จงอยปากนกกันทคลกะได้หักลงและลำตัวของมันก็เสียหลักในการยึดเกาะต้นไม้
นกกันทคลกะไม่ฟังที่นกขทิรวนิยะบอก มันลงมือใช้จงอยปากเจาะต้นตะเคียนต้นหนึ่งทันที “ก๊อกๆๆๆๆๆ เฮ้ย..ทำไมมันแข็งอย่างนี้นะ” “หยุดเถอะน่าสหาย มันแข็งมาก เจ้าเจาะไม่ไหวหรอก” เจ้านกกันทคลกะเมื่อได้ฟังเพื่อนกล่าวห้ามก็ยิ่งรู่สึกโกรธ มันพยายามเจาะอย่างสุดแรงเกิด “เย้ย..ต้นแค่เนี่ย ทำไมเราเจาะไม่ได้!!..
นกขทิรวนิยะตกใจมากที่เพื่อนนกของตนร่วงตกลงไปยังเบื้องล่าง
เจ้าคอยดูแล้วกัน ก๊อกๆๆ เย้ยๆๆ..ต้นไม้มันคงแก่ไป ลองเปลี่ยนเป็นต้นโน้นบ้างจะดีกว่า ก๊อกๆๆ เย้ย ต้นนี้ก็แข็งเหมือนกัน อะไรกันเนี่ย คงเป็นเพราะเราไม่ได้ใช้จงอยปากเจาะต้นไม้มาหลายวันแน่ มันเลยเจาะอยากอย่างนี้” “เจ้าอย่าพยายามอีกเลย ไม่ว่าต้นไหนๆ ไม้ก็แข็งเหมือนกันนั่นแหละ เจ้านะยอมรับซะเถอะ
นกกันทคลกะตกลงมายังเบื้องล่างนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
มาเถิด ข้าจะเจาะหาหนอนให้เจ้ากินเอง” “ไม่ข้าจะเจาะ ข้าต้องทำได้” นกกันทคลกะไม่ฟังที่นกขทิรวนิยะบอก มันลงมือใช้จงอยปากเจาะต้นตะเคียนอย่างสุดแรงเกิด เสียงดังก้องป่าไปหมด ก๊อกๆๆๆๆๆ “พอเถอะๆ” นกขทิรวนิยะมองดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ส่งเสียงห้ามปราม แต่ยิ่งห้ามเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นแรงยุให้นกกันทคลกะยิ่งเจาะแรงขึ้นเท่านั้น ก๊อกๆๆๆๆๆ
นกขทิรวนิยะบินตามลงมาดูเพื่อนรักด้วยความห่วงใย
นกกันทคลกะทวีความแรงเจาะต้นไม้เข้าไปอีก จนในที่สุดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น “ป๊อค!.....โอ๊ย ปากข้า” จงอยปากของนกกันทคลกะได้หักลง ทำให้มันเสียหลักตกจากต้นไม้ หล่นลงพื้นดินข้างล่าง “เฮ้ย!...ระวังเจ้ากันทคลกะ ระวัง เจ้าจะตกลงไปแล้ว” “โอ้ยยยย....” นกกันทคลกะตกจากต้นไม้กระทบพื้นข้างล่าง
นกกันทคลกะทนความเจ็บปวดไม่ไหวได้สิ้นใจตายในที่สุด
นอนดิ้นไปดิ้นมาด้วยความทรมาน นกขทิรวนิยะตามมาดูด้วยความตกใจ “เป็นไงบ้างสหาย เจ้านะ คงเจ็บมากซินะ ข้าบอกแล้ว ว่าอย่าทำ” “ต้นตะเคียนเป็นต้นไม้ที่มีแก่นแข็งอย่างนี้เชียวหรือ ข้าผิดเองที่ไม่ฟังคำสหาย” “โธ่ สหายเอ๋ย ข้าบอกแล้วว่าไม้ในป่าของข้ากับของเจ้าไม่เหมือนกัน” นกกันทคลกะสิ้นใจอยู่ใต้ต้นไม้นั้น ทำความโศกเศร้าให้กับนกขทิรวนิยะอย่างมากที่สูญเสียเพื่อนไปอย่างไม่มีวันกลับ
กันทคลกะ เกิดเป็นพระเทวทัต
นกขทิรวนิยะ เสวยพระชาติ เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
CR : http://dmc.tv/a11934