วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ออกบวชเพราะผมหงอกเส้นเดียว (มฆเทวชาตกํ)


อุตฺตมงฺครุหา มยฺหํ     อิเม  ชาตา  วโยหรา
ปาตุภูตา  เทวทูตา ปพฺพชชาสมโย  มมาติฯ 
                                                  
ความนำ
                        พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในวัดพระเชตวัน ใกล้เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการออกผนวชของพระองค์เอง ได้ตรัสพระธรรมเทศนาคือคาถาที่ปรากฏ ณ เบื้องต้น

ปัจจุบันชาติ
มีเรื่องเล่าว่า บรรดาภิกษุทั้งหลายได้นั่งสนทนากันอยู่ปรารภถึงการเสด็จออกบวชของพระพุทธเจ้า ในขณะนั้น พระพุทธองค์เสด็จมาถึงโรงธรรมสภาเมื่อทราบเรื่องจึงตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตจะออกบวชเฉพาะในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ตถาคตก็ได้ออกบวชแบบนี้เหมือนกัน
จากนั้น ได้ทรงนำเรื่องราวในอดีตชาติมาตรัสเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้

อดีตชาติเนื้อหาชาดก
                        อดีตกาล มีพระราชาพระนามว่า มฆเทวะ ในกรุงมิถิลาวิเทหรัฐ   เป็นพระมหาธรรมราชาผู้ดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม วันหนึ่ง พระองค์ได้ทรงตรัสสั่งกับช่างกัลบกว่า
ถ้าท่านเห็นผมหงอกงอกขึ้นบนศีรษะของเราในกาลใด ขอให้ท่านจงบอกแก่เราในกาลนั้น
ต่อมา ช่างกัลบกได้พบพระเกศาหงอกเส้นหนึ่งจึงกราบทูลว่า
ข้าแต่สมมติเทพ พระเกศาหงอกเส้นหนึ่งปรากฏแก่พระองค์แล้ว
ช่างกัลบกได้เอาแหนบทองคำถอนพระเกศาหงอกเส้นนั้นมาประดิษฐานบนฝ่าพระหัตถ์ของพระราชา
                พระราชาเมื่อทอดพระเนตรพระเกศาหงอก ทรงทำความสำคัญประหนึ่งว่า            พระยามัจจุราชมาประทับยืนอยู่ใกล้ ๆได้ทรงถึงความสังเวชดำริว่า ดูก่อนมฆเทวะผู้โง่เขลา เจ้ายังไม่สามารถละกิเลสได้แม้แต่นิดเดียวจนตราบเท่าที่ผมหงอกเกิดขึ้น
 เมื่อพระองค์ทรงรำพึงถึงผมหงอกที่ปรากฏแล้ว ความเร่าร้อนภายในก็บังเกิดขึ้น พระองค์ทรงดำริว่า เราสมควรจะต้องออกบวชในวันนี้แหละ
จึงทรงพระราชทานบ้านชั้นดีแก่ช่างกัลบกแล้วรับสั่งให้เรียกพระโอรสองค์ใหญ่มาตรัสสั่งว่า
ลูกเอ๋ย ผมหงอกได้ปรากฏบนศีรษะของพ่อแล้ว พ่อได้กลายเป็นคนแก่ไปแล้ว กามคุณของมนุษย์พ่อได้เสพมาหมดแล้ว บัดนี้ พ่อจักแสวงหากามที่เป็นทิพย์ ถึงเวลาที่พ่อจักต้องอำลาเจ้าออกบวชแล้ว ขอเจ้าจงได้ครอบครองราชสมบัตินี้เถิด พ่อจักบำเพ็ญสมณธรรม          ในอัมพวันอุทยานชื่อมฆเทวะ
                        เหล่าอำมาตย์ทั้งหลายเข้าไปเฝ้าพระราชาแล้วกราบทูลถามว่า
ขอเดชะ อะไรกันหนอเป็นสาเหตุแห่งการสละกามออกทรงผนวชของพระองค์ พระเจ้าข้า
พระราชาจึงทรงถือเอาพระเกศาหงอกเส้นนั้นออกมาแสดงแล้วตรัสพระคาถานี้แก่อำมาตย์ทั้งหลายว่า

ผมที่หงอกบนศีรษะของเรานี้เกิดขึ้นมา
ได้นำเอาวัยของเราไปเสียแล้ว ตัวเทวทูต ได้มา
ปรากฏแก่เราแล้ว บัดนี้ เป็นเวลาที่ตัวเราจะต้อง
ออกทำการบรรพชาเสียที
ความหมายของคาถา
พระราชาต้องการตรัสสอนเหล่าบรรดาโอรสเป็นต้นว่า
เธอทั้งหลายจงพิจารณาดูเถิด ผมหงอกเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ได้ชื่อว่าพาเอาวัยหนุ่มไปแล้ว เพราะปรากฏให้เห็นโดยภาวะแห่งผมหงอก ตัวมัจจุราชนั้นได้ชื่อว่าเทวทูต             อันที่จริง เมื่อผมหงอกทั้งหลายปรากฏขึ้นบนศีรษะ บุคคลย่อมเป็นเหมือนยืนอยู่ในสำนักของ     พระยามัจจุราช  เพราะฉะนั้น ผมหงอกทั้งหลายท่านจึงเรียกว่าเป็นทูตของมัจจุราช
ข้อนี้ก็เปรียบเหมือนกับเทวดาที่ตกแต่งร่างกายสวยงามยืนสว่างไสวในอากาศแล้วกล่าวว่า ท่านจักต้องตายในวันนั้น วันนี้ ฉันใด เมื่อผมหงอกทั้งหลายปรากฏแล้วบนศีรษะย่อมเป็นเช่นกับเทวดาพยากรณ์ฉันนั้นเหมือนกัน
                   พระเจ้ามฆเทวะสละราชสมบัติออกบวชเป็นฤาษีในวันนั้นนั่นเอง ประทับอยู่ในมฆอัมพวัน เจริญพรหมวิหาร ๔ ดำรงอยู่ในฌานอันไม่เสื่อม สวรรคตแล้วบังเกิดในพรหมโลก จุติจากพรหมโลกนั้น ได้เป็นพระราชานามว่าเนมิ ในกรุงมิถิลาสืบต่อวงศ์ของพระองค์ที่เสื่อมลงจึงทรงผนวชในอัมพวันนั้นนั่นเอง เจริญพรหมวิหารได้กลับไปเกิดในพรหมโลกตามเดิมอีก                 พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า  
ช่างกัลบกคือพระอานนท์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่คือราหุล ส่วนพระเจ้ามฆเทวะคือเราตถาคตนั่นเอง