พระมหาสีลวะกษัตริย์ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม
กาลครั้งนั้นเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จมาประทับยังพระเชตวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี พระองค์ได้หยั่งรู้ถึงความทุกข์กายทุกข์ใจของภิกษุผู้บำเพ็ญเพียรรูปหนึ่งที่ไม่อาจแสวงหาโลกธรรมได้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโปรดให้ทุกข์นั้นบรรเทาลงด้วยตัวอย่างการมานะต่อสู้ในอดีตชาติของพระองค์เอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโปรดภิกษุผู้ท้อถอยความเพียร
“ดูก่อนภิกษุ แม้แต่เราในอดีตชาติ ก็เจออุปสรรคขัดขวาง ขณะนั้นแม้จะสูญสิ้นราชสมบัติแล้ว แต่เรายังตั้งมั่นในมานะไม่ท้อถอย กระทั่งภายหลังสามารถกลับไปครองราชได้เพราะมานะนั้น” พาราณสีนครใหญ่ แข็งแกร่งและร่มเย็นดุจกันกับมหานทีที่โอบพระนครไว้ด้วยความรัก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่าอดีตชาติของพระองค์เอง
ชาวเมืองทุกคนล้วนรักและศรัทธาในตัวมหาราชของเขายิ่งชีพ ทุกคนชาวเมืองสีลวราชด้วยความเคารพจากใจเสมอ “มหาราชของเราช่างสง่างามจริงๆ จิตก็เปี่ยมไปด้วยเมตตา” “ใช่ๆ พระองค์ทรงปฏิบัติธรรมและทรงบำเพ็ญทานบารมีมิได้ขาดเลยนะ” “ท่านแม่ถ้าข้าโตขึ้นนะ ข้าจะเป็นคนดีเหมือนองค์มหาราชของเรา”
พระมหาสีลวะมหาราชของปวงชนพาราณสี
“โอ้! ลูกข้าอายุแค่ 3 ขวบ แต่ฉลาดกว่าพ่อของเจ้าอีก” “เจ้าอย่ามาประชดข้าได้มั๊ย? เพราะตอนนี้เขาให้เถิดทูนมหาราชา ไม่ได้ให้ประชดผัว ไม่รู้เรื่องเลย” ด้วยจิตใจที่เปี่ยมเมตตาของพระราชาเป็นเหตุให้อำมาตย์คนหนึ่งในพระราชวังเหิมเกริม มิได้กลัวเกรงต่อกฏมนเทียรบาลต่างๆ
อำมาตย์ชั่วบุกรุกเข้าในพระราชวังลอบแอบมองพระธิดาและเหล่านางกำนัล
ในพระราชวงศ์ถึงขั้นบุกรุกเข้าไปในพระราชวังชั้นในเสมอแม้จะถูกจับได้หลายครั้งก็ไม่กลัวเกรง “เฮ้ย...สาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลย คนนั้นก็เอวบางร่างน้อย อุ๊ย…คนนั้นก็สวยคนนี้ก็ขาวใส น้ำลายจะไหลเลย อย่างกับนางฟ้านางสวรรค์” “ว้าย! ตาอำมาตย์ลามกนั้นน่ะ แอบเข้ามาอีกแล้ว
อำมาตย์ลามกถูกเรียกตัวเข้าเฝ้า
ตายแล้ว องค์หญิงเพคะเสด็จเข้าไปข้างในก่อนเถอะเพคะตาแก่หัวงูนั้นน่ะ แอบเข้ามาอีกแล้ว” “พาองค์หญิงเข้าไปก่อน ทางนี้ข้าจะจัดการให้เอง หัวงูนักใช่มั๊ย? ต้องโดนฤทธิ์ของข้าบ้างแล้ว” “พระอาญามิพ้นเกล้า อำมาตย์ผู้นี้ทำผิดข้อหมิ่นพระบรมเดชานุภาพบ่อยครั้งความผิดถึงขั้นประหารชีวิตพะย่ะค่ะ”
พระมหาสีลวะทรงละเว้นโทษประหารแก่อำมาตย์
“อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย แค่ยึดทรัพย์แล้วให้ออกไปอยู่ที่อื่นให้พ้นเมืองของเราก็พอแล้ว” อำมาตย์นั้นแทนที่จะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ละเว้นโทษประหาร กลับเคียดแค้นโกรธเคือง “ตะวันรุ่งพรุ่งนี้เจ้าต้องออกไปจากพระนคร ความผิดนี้ไม่ให้ยื่นอุทรด้วย”
อำมาตย์ชั่วโกรธเคืองและเคียดแค้นพระราชายิ่งนัก
“โกรธ...ทำกับเราเช่นนี้ได้อย่างไร คอยดูเถอะข้าจะกลับมาแก้แค้นให้ได้ ต่อไปข้าจะไม่ได้ดูนางฟ้านางสวรรค์เหล่านั้นแล้วหรือ? เสียดายจัง ยิ่งคิดยิ่งโกรธ เดี๋ยวเอาหอกเสียบดีมั๊ยเนี่ย” “น่าหมั่นไส้จริงๆ เลยยัง ไม่สำนึกอีก” “ข้าจะไปอยู่แคว้นโกศลก็ได้ คอยดูข้าจะต้องเป็นใหญ่ให้ได้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
อำมาตย์ชั่วพาเมียสาวออกเดินทางไปยังแคว้นโกศล
“ท่านพี่อย่าอารมณ์เสียสิค่ะ เดี๋ยวน่ามืดเป็นลมไปอีกนะ น้องน่ะไม่อยากหามท่านพี่นะ น้องหนักนะค่ะ” อำมาตย์ผู้นี้พกความแค้นพาเมียสาวเดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขาหลายวัน แล้วก็มาถึงนครโกศลซึ่งมีพรมแดนติดกัน ได้รับความช่วยเหลือจากสหายเก่า
อำมาตย์ชั่วและเมียสาวเดินทางถึงแคว้นโกศล
ซึ่งเป็นเสนาบดีทหารจนสามารถได้เข้ารับราชการในแคว้นโกศลได้สำเร็จ อำมาตย์ชั่วเมื่อได้เข้าเฝ้าพระเจ้าโกศลหลายครั้งก็ทำการยุแย่จนพระองค์หลงเชื่อ อยากก่อสงครามยึดพาราณสีมาเป็นของตนทุกครั้งไป “เชื่อข้าพระองค์เถอะเจ้าพาราณสีน่ะอ่อนปวกเปียกจะตาย แค่มดตัวเดียวยังไม่กล้าฆ่า
อำมาตย์ชั่วได้เข้ารับราชการในแคว้นโกศล
ถ้ารบทางฝ่ายเราต้องชนะแน่ๆ พระองค์พิจารณาดูเถิด เสียแรงเพียงน้อยนิด แต่ได้ราชสมบัติเต็มท้องพระคลัง ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ฮ้าๆๆ” “มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ โม้รึเปล่าท่านอำมาตย์ โลกนี้ยังมีคนดีอย่างนี้ด้วยหรอ เราน่ะไม่อยากจะเชื่อเลยมดตัวเดียวก็ไม่อยากจะฆ่าเนี่ยนะ เค้าเป็นมหาพระราชาหรือนักบวชกันแน่”
พระเจ้าโกศลได้รับการยุยงจากอำมาตย์ชั่วให้ก่อศึกกับพาราณสี
“จริงๆ พะย่ะค่ะ ถ้าพระองค์ไม่เชื่อ ก็ลองทดสอบดูให้มันรู้แจ้งได้เลยพะย่ะค่ะ” “ฮืม..พวกเจ้าจงทำตามแผนข้าให้พวกเจ้าแกล้งปลอมเป็นโจร แล้วก็ไปปล้นพวกสดมพวกชาวพาราณสี พวกเจ้าจงยอมแพ้ให้กับทหารที่จับตัวพวกเจ้าไป แล้วก็ยอมรับผิดว่าเป็นเพราะความจนถึงต้องมาเป็นโจร
พระเจ้าโกศลส่งทหารปลอมเป็นโจรปล้นชาวเมืองพาราณสี
ข้าน่ะอยากรู้ว่ามหาสีลวะจะทำอย่างไรกับพวกเจ้า” “ช่างเป็นแผนที่แยบยลสุดยอดพะย่ะค่ะ พระองค์อัจฉริยะจริงๆ” แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนพระเจ้าโกศล โจรปลอมทั้งหมดถูกทหารพาราณสีจับคุมตัวไปพบมหาสีลวะได้ในวันหนึ่ง “ข้าน้อยผิดไปแล้ว เพราะความจนข้นแค้น อดมื้อกินมื้อ
กลุ่มโจรถูกจับได้และได้รับการปล่อยตัว
ลูกๆ อีก10 ชีวิตไม่มีใครกินอิ่มได้สักวัน เศร้า! จน! เครียด! ถึงเป็นโจร” “ถ้าอย่างนั้นเราจะปล่อยตัวพวกเจ้าไปแต่พวกเจ้าต้องสัญญาก่อนว่าจะเลิกประพฤติชั่วปล้นเขากินโดยเด็ดขาด เราจะให้พระคลังมอบทุนการทำมาหากินให้ทุกคน” “โอ้น้ำใจดีงามแท้ๆ ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า จะเลิกเป็นโจร จะเป็นพลเมืองดี ใช้ชีวิตพอเพียงต่อไป
ทหารที่ปลอมเป็นโจรกลับมารายงานพระเจ้าโกศล
ขอให้เจริญรุ่งเรืองโดยสุจริตเถิด” พวกโจรกลับมาทูลให้พระเจ้าโกศลทรงทราบถึงน้ำพระทัยอันดีงามของมหาสีลวะ “มหาสีลวะอ่อนปวกเปียกจริงๆ พระเจ้าคะ ไม่กล้าหาญเข้มแข็งเหมือนพระองค์เลยสักนิด เทียบกันก็เหมือนฟ้ากับเหว” “ถ้าเช่นนั้นก็เหมาะเลย ฮ้าๆๆ พาราณสีต้องตกอยู่ในกำมือเราแน่ๆ”
พระเจ้าโกศลยกทัพไปตีเมืองพาราณสี
“เอ้า..ท่านแม่ทัพเตรียมออกรบได้” กองทัพแคว้นโกศลเข้าประชิดเมืองพาราณสีอย่างรวดเร็ว ด้วยหมายมั่นเอาราชสมบัติทุกอย่างของมหาสีลวะมาครอบครอง ทางด้านของมหาสีลวราชเมื่อทรงทราบถึงสงครามที่มาถึงเมือง ก็มิได้ทรงกลัวเกรงแต่อย่างใด ด้วยน้ำพระทัยอันดีงาม
พระมหาสีลวะทรงมอบบัลลังค์ให้พระเจ้าโกศลโดยดี
พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ทหารออกไปรบร้างผลาญชีวิตกัน กลับเปิดประตูเมืองมอบบรรลังค์ให้โดยดุษฎี “อ่อนจริงๆ ยังไม่ทันได้ออกแรงเลยทำไมได้สมบัติมาง่ายขนาดนี้ ทหารจับทุกคนมัดแล้วไปฝังไว้ในป่าผีดิบ เป็นอาหารสุนัขจิ้งจอกซะ” “ช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมจริงๆ พะย่ะคะ พระองค์ช่างกล้าหาญ แข็งแกร่งดุจหินผาจริงๆ”
พระมหาสีลวะและทหารโดนจับฝังไว้ในป่าช้า
กลางดึกคืนนั้นมีเสียงร้องด้วยความโลภของพระเจ้าโกศล และความซะใจของอำมาตย์ลามกที่สามารถแก้แค้นได้ แต่ในป่าช้าเหล่าทหารและมหาสีลวะถูกจับมาฝังไว้นั้นช่างหน้ากลัวยิ่งนัก เมื่อเห็นสุนัขรายล้อมเข้ามาเพื่อหวังกัดกินคนเหล่านี้เป็นอาหาร
พระมหาสีลวะและทหารช่วยกันตะโกนไล่พวกหมาป่า
“ทุกคนต้องตั้งสติไว้ให้มั่น พวกเราต้องช่วยกันตะโกนไล่หมาป่าพวกนี้ไป ไปๆ” “เฮ้ยๆ หมาป่ามันวิ่งหนีไปหมดแล้ว มันกลัวเราจริงๆ ด้วยพระเจ้าคะ” แต่เมื่อหมาป่ามันเจอแผนขับไล่นี้หลายครั้งเข้า ไอ้ตัวจ่าฝูงดูศีรษะไหนเป็นผู้นำ จึงตั้งใจเล่นงานคนนั้นก่อนตามวิธีของสัตว์ป่า
พระมหาสีลวะกดพระหนุหนีบหัวสุนัขไว้ทำให้ฝูงสุนัขที่เหลือตกใจและหนีไป
“มาสิเจ้ามากัดที่คอเราเลย เรายืดคอไว้รอเจ้าแล้ว เข้ามาเลย ข้าไม่ยิงเจ้าหรอก” เจ้าสุนัขหัวหน้าฝูงสอดปากใต้พระหนุพริบตานั้นมหาสีลวราชก็ทรงกดพระหนุหนีบหัวสุนัขไว้ด้วยพลังทั้งหมด “นี่แหนะอยู่ล่ะไอ้หมาจ่าฝูง” เสียงร้องของหัวหน้าฝูงทำให้ฝูงสุนัขหนีเข้าป่าไปหมดในพริบตา
พระมหาสีลวะทรงขยับร่างขึ้นจากหลุมทรายได้สำเร็จ
ตามด้วยไอ้ตัวหัวหน้า ทิ้งไว้แต่รอยตะกุยดินที่ฝังร่างมหาราชไว้ซึ่งกลายเป็นหลุมกว้างทรงขยับพระวรกายได้สำเร็จ “สงสารหมาตัวนั้นอยู่เหมือนกันนะเนี่ยโดนเราหนีบซะเต็มแรง ไม่รู้ยังเจ็บอยู่รึเปล่า” “โอ๊ย..พระองค์อย่าห่วงหมาตัวนั้นอยู่เลย ห่วงหม่อมฉันดีกว่าหม่อมฉันจะตายแล้ว”
ยักษ์ 2 ตน ถกเถียงกันเกี่ยวกับศพที่ถูกนำมาทิ้งไว้ระหว่างเส้นแบ่งเขต
อีกด้านหนึ่งของป่าช้า มียักษ์ที่อาศัยอยู่ ยักษ์ได้แบ่งพื้นที่เขตอาหารกันไว้ชัดเจน แต่ในวันนี้มีผู้นำศพมาไว้ในเส้นแบ่งเขตจนเกิดปัญหาไม่สามารถตกลงกันได้ “เฮ้ยศพเนี่ยมันต้องเป็นของข้าเว้ย มันอยากให้ข้ากินมันมากกว่าเจ้า” “มันอยู่ในเขตข้าแสดงว่ามันเคารพข้ามากกว่า”
ยักษ์ 2 ตน ได้นำปัญหาที่แก้ไขไม่ได้มาให้พระมหาสีลวะทรงตัดสินที่ป่าช้า
“มันอยากให้ข้ากินมากกว่า” “อย่ามั่วดิว่ะ ปัญหานี่ยากเกินไปเราต้องไปถามบัณฑิตคนดีแล้วแหละ” “ใช่ๆ ยากสุดๆ ไปเลยว่ะ ตอนนี้มหาสีลวราชอยู่ในป่าช้าด้วย ท่านทรงคุณธรรมยิ่งนัก เราให้พระองค์ตัดสินใจให้ดีกว่า” “เอาเถอะปัญหาของพวกท่านเราจะตัดสินให้เอง แต่ว่าเจ้าตนหนึ่งต้องไปนำพระขรรค์ของเราจากที่บรรทมมาก่อน”
ยักษ์ตนหนึ่งนำพระขรรค์คู่บัลลังค์พระมหาสีลวราชมาคืนแก่พระองค์
ยักษ์ตนหนึ่งสัมแดงฤทธิ์ไปยังพระราชวัง อึดใจเดียวก็เหาะกลับมาพร้อมพระขรรค์คู่บรรลังค์ พระมหาสีลวราชผ่าศพเป็น 2_ส่วน ให้ยักษ์สองตัวอย่างเท่าเทียมกัน “ในที่สุดเราก็ได้กินแล้ว ข้าทั้งสองจะตอบแทนบุญคุณพระองค์ด้วยการพากลับกรุงพาราณสีเอง เจ้าทหารทั้งหลายขึ้นหลังข้าได้เลย”
ยักษ์ทั้งสองตนนำองค์มหาราชและขุนทหารกลับกรุงพาราณสี
แล้วยักษ์ทั้งสองตนก็พาองค์มหาราชและขุนทหารทั้งหมดกลับกรุงพาราณสี ส่งองค์มหาราชกลับสู่ห้องบรรทมในราตรีนั้นเอง พระมหาสีลวราชทรงนำพระขรรค์วางบนวรกายของพระเจ้าโกศลเพื่อปลุกให้ตื่น ซึ่งเมื่อพระเจ้าโกศลทรงตื่นบรรทมก็ตกพระทัย
พระเจ้าโกศลทรงตกพระทัยยิ่งที่พระมหาสีลวะทรงมีชีวิตรอดกลับ
มาได้
“ห๊า! มหาสีลวะท่านเข้ามาได้อย่างไรกัน? ท่านรอดชีวิตมาได้อย่างไรกัน เฮ้ย..ข้า..งงไปหมดแล้ว” พระมหาสีลวราชตรัสเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าเมืองพระเจ้าโกศลฟัง เมื่อทรงทราบเรื่องราวแล้วพระเจ้าโกศลก็ทรงเสียพระทัย ว่าตัวเองเป็นมนุษย์แต่กลับไม่รู้คุณความดีของพระองค์
พระเจ้าโกศลถวายราชสมบัติทั้งหมดคืนแก่พระเจ้าพาราณสี
สู้ยักษ์ซึ่งกินซากศพเป็นอาหารก็มิได้ ช่างน่าละอายยิ่งนัก “ข้านะขอสรรเสริญพระเกียรติคุณพระมหาสีลวะและขอถวายราชสมบัติทั้งหมดคืน พร้อมให้สัตย์สาบานว่า จะไม่ประทุษร้ายและขออารักษ์ขาพระองค์แล้วก็พลเมืองของพาราณสีมิให้มีอันตรายใดๆ มาแผ้วพาล” เท่ห์จริงๆ เจ้าเหนือหัวของเรา ช่างมีน้ำใจนักกีฬาจริงๆ”
ชาวเมืองพาราณสีได้ใช้ชีวิตกลับสู่ความสงบร่มเย็นอีกครั้ง
พระมหาสีลวราชเมื่อทรงรับพระราชสมบัติปกครองพาราณสีกลับคืนมาก็ทรงรำพึงอนุภาพของความมานะต่อสู้ครั้งนี้ว่า “บุรุษผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความหวังไม่พึงเบื่อหน่ายผลแห่งความเพียรย่อมสำเร็จเป็นอัศจรรย์” เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเทศนาจบแล้ว ภิกษุผู้ท้อถอยความเพียรก็มีกำลังใจบังเกิดปิติเข้าถึงพระธรรม
ในพุทธกาล อำมาตย์ชั่วร้าย ต่อมาเป็นพระเทวทัต
ขุนทหารพาราณสี ต่อมาเป็นพุทธบริษัท
พระเจ้ามหาสีลวราช เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า