วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

หริตมาตชาดก ชาดกว่าด้วยผู้มีอิสรภาพ

งูตัวหนึ่งคิดจะเข้าไปกินปลาที่ติดอยู่ในลอบ
 
    ณ แคว้นโกศล พระเจ้ามหาโกศลได้พระราชทานพระธิดาผู้มีสิริโฉมงดงามให้กับพระเจ้าพิมพิสาร อีกทั้งยังได้ประทานหมู่บ้านกาสีเป็นข้าทรงสนานแก่พระราชธิดาด้วย ทั้งสองพระองค์ครองรักกันอย่างมีความสุข ต่อมาพระเทวีก็ให้กำเนิดบุตรชายน่ารัก น่าเอ็นดู
 
แคว้นโกศลบ้านเมืองที่สงบร่มเย็น
 
แคว้นโกศลบ้านเมืองที่สงบร่มเย็น
 
    ราษฎรต่างปลื้มปีติกันทั่วหน้า ทารกน้อยผู้นี้เมื่อเติบใหญ่ก็เป็นที่รู้จักกันในนามพระเจ้าอชาตศัตรู และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาตกรรมปลงพระชนม์พระบิดาของตนเอง ไม่นานนักพระเทวีก็สิ้นพระชนม์เพราะความสิเน่หาต่อพระเจ้าพิมพิสาร
 
พระราชธิดาแห่งแคว้นโกศล ผู้มีสิริโฉมงดงาม
 
พระราชธิดาแห่งแคว้นโกศล ผู้มีสิริโฉมงดงาม
 
    พระเจ้าอชาตศัตรูเมื่อพระชนนีสิ้นพระชนม์ไปแล้วก็ทรงครองบ้านเมืองนั้นอยู่ตามเดิม พระเจ้าโกศลบุตรของพระเจ้ามหาโกศล ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของพระเจ้าอชาตศัตรู ทรงโกรธแค้นพระเจ้าอชาตศัตรูมาก เป็นสาเหตุให้พระเจ้าโกศลและพระเจ้าอชาตศัตรูเปิดศึกสงครามแม้จะเป็นสายเลือดเดียวกัน
 
พระราชโอรสองค์น้อยพระนามอชาตศัตรู
 
พระราชโอรสองค์น้อยพระนามอชาตศัตรู
 
 “เราจักไม่ให้หมู่บ้านอันเป็นของตระกูลเราแก่โจรผู้ฆ่าบิดาของตนเองเป็นอันขาด” สงครามระหว่างพระเจ้าโกศลและพระเจ้าอชาตศัตรูเนินนานนัก บางคราพระเจ้าน้าก็ชนะ บางคราพระเจ้าหลานก็ชนะ สับเปลี่ยนกันอยู่อย่างนี้ไม่รู้จักหมดสิ้น
 
พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาตกรรม ปลงพระชนม์พระบิดาของตนเอง
 
พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาตกรรมปลงพระชนม์พระบิดาของตนเอง
 
    คราวใดที่พระเจ้าอชาตศัตรูทรงชนะก็ทรงโสมนัสปักธงชัยบนรถเข้าสู่พระนครด้วยยศยิ่งใหญ่ แต่ถ้าคราวใดปราชัยก็ทรงโทมนัสเสด็จเข้าสู่พระนครโดยไม่ให้ใครๆ ทราบเลย เรื่องของพระเจ้าอชาตศัตรูได้กลายเป็นมาเป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านชาวเมืองตลอดจนภิกษุสงฆ์
 
สงครามระหว่างพระเจ้าโกศลและพระเจ้าอชาตศัตรู
 
สงครามระหว่างพระเจ้าโกศลและพระเจ้าอชาตศัตรู
 
     “ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเจ้าอชาตศัตรูนะ ทรงชนะพระเจ้าน้าแล้วดีพระทัย ครั้นทรงปราชัยก็ทรงโทมนัส” “นั่นนะซิ เฮ้อ เป็นอย่างนี้เรื่อยไป ไม่รู้จักจบจักสิ้นกันซะที” ครั้งนั้นองค์พระศาสดาเมื่อได้ยินหัวข้อที่เหล่าภิกษุสนทนาก็ได้ตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายไม่ใช่แต่บัดนี้เท่านั้น
 
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงชนะศึกก็ได้ปักธงชัยบนรถ เข้าสู่พระนครด้วยยศยิ่งใหญ่
 
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงชนะศึกก็ได้ปักธงชัยบนรถเข้าสู่พระนครด้วยยศยิ่งใหญ่
  
    แม้กาลก่อนพระเจ้าอชาตศัตรูนั้น ทรงชนะแล้วก็ดีพระทัย ทรงปราชัยก็ทรงโทมนัสเหมือนกัน แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า หริตมาตชาดกดังนี้ ณ แม่น้ำท้ายป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ครั้งเมื่อธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ ทั้งสัตว์ป่าและชาวบ้านต่างใช้ชีวิตพึ่งพิงอยู่กับธรรมชาติ
 
ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในเรื่องการทำศึกของพระเจ้าอชาตศัตรู
 
ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในเรื่องการทำศึกของพระเจ้าอชาตศัตรู
  
    สมัยนั้นชาวบ้านจะดักลอบจับปลาในแม่น้ำใช้เป็นอาหารเพื่อประทังชีวิต “พี่จ๊ะ วันนี้เราวางลอบไว้กี่ที่ดีจ๊ะพี่” “พี่ว่าจะวางไว้สัก 2-3 ที่ก็พอจ๊ะ เอาไว้กินแค่เย็นนี้ก็พอ” “ดีจ๊ะ เดี๋ยวตอนเช้าเราก็กินน้ำพริกผักจิ้มเอาก็ได้ เวลาผ่านไปลอบที่ชาวบ้านมาวางไว้ก็มีปลามาติดอยู่เป็นจำนวนมาก
 
ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สัตว์ทั้งหลายต่างใช้ชีวิตพึ่งพิงกันและกัน
 
ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สัตว์ทั้งหลายต่างใช้ชีวิตพึ่งพิงกันและกัน
 
    งูตัวหนึ่งเลื้อยผ่านมาเห็นปลาติดลอบอยู่ ก็คิดแผนการร้ายหวังเข้าไปกินปลาในลอบนั้น “ลาภปากแล้วไหมละ อยู่ๆ ก็มีปลามาติดตั้งเยอะแยะ มา มะ มาเป็นอาหารของข้าซะดีๆ ฮ่ะๆ ฮะ ไม่ต้องเหนื่อยตามไล่อีกแล้ว ฮิ ฮิ”
 
ชาวบ้านดักลอบจับปลาในแม่น้ำ ใช้เป็นอาหารเพื่อประทังชีวิต
 
ชาวบ้านดักลอบจับปลาในแม่น้ำใช้เป็นอาหารเพื่อประทังชีวิต
 
    เหล่าฝูงปลาที่อยู่ในลอบเมื่อเห็นว่างูเลื้อยมาที่ลอบก็แตกตื่นหวาดกลัว “ว้ายพวกเราดูซิงูตัวนั้นนะ มันต้องตั้งใจมากินพวกเราแน่ๆ เลย มันเลื้อยเข้ามาใกล้แล้ว” “แล้วเราจะหนียังไงดี โธ่..ติดลอบแล้วยังซวยซ้ำมาเจองูอีก” “พวกเจ้าอย่าแตกตื่นไปเลย
 
งูตัวหนึ่งคิดจะเข้าไปกินปลา ที่ติดอยู่ในลอบอย่างมากมาย
 
งูตัวหนึ่งคิดจะเข้าไปกินปลาที่ติดอยู่ในลอบอย่างมากมาย
 
    พวกเรามีกันตั้งหลายตัว ทำไมต้องกลัวแค่งูตัวเดียวด้วย ถ้าพวกเราช่วยกัน งูตัวเดียวทำอะไรเราไม่ได้หรอก” เจ้างูหวังได้ลิ้มรสกับอาหารมื้อใหญ่ มันเลื้อยเข้าไปใกล้ลอบแล้วเอ่ยปากกับปลาที่ติด เจ้าปลาทั้งหลายไหนๆ เจ้าก็ต้องเป็นอาหารมนุษย์แล้ว
 
ปลาทั้งหลายต่างให้กำลังใจกันว่า อย่าได้กลัวงูที่จะเข้ามากินพวกตน
 
ปลาทั้งหลายต่างให้กำลังใจกันว่าอย่าได้กลัวงูที่จะเข้ามากินพวกตน
 
    ยังไงเสียก็เป็นอาหารของเราสักตัวสองตัวเถอะ เฮอๆ เฮ่อ” “เจ้างูเอ๋ย ทำไมพวกเราจะต้องยอมเป็นอาหารให้เจ้าด้วย พวกเราก็รักชีวิตของเราเหมือนกัน” ที่ริมฝั่งมีกบเขียวตัวหนึ่งนอนอยู่ มันเห็นเหตุการณ์นั้นโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
 
เจ้างูเลื้อยเข้าไปใกล้ลอบหวังได้ลิ้มรสกับอาหารมื้อใหญ่
 
เจ้างูเลื้อยเข้าไปใกล้ลอบหวังได้ลิ้มรสกับอาหารมื้อใหญ่
  
    “โอ้ว..เจ้างูตัวนี้เนี่ยกิเลสหนาบังตา จนมองไม่เห็นหายนะของตัวเองแท้ๆ” ด้วยความหิวเจ้างูไม่ฟังเสียงพูดใดๆ ของพวกปลา แต่จะลิ้มรสปลาเหล่านั้นอยู่อย่างเดียว จึงเลื้อยเข้าไปในลอบ หวังกัดกินปลานั้นให้หายอยาก” “มามะ ปลาทั้งหลายอย่าพูดมากไปเลย มาเป็นอาหารของข้าซะดีๆ
 
ที่ริมฝั่งมีกบเขียวตัวหนึ่งนอนอยู่ มันเห็นการกระทำของเจ้างูโดยตลอด
 
ที่ริมฝั่งมีกบเขียวตัวหนึ่งนอนอยู่ มันเห็นการกระทำของเจ้างูโดยตลอด
 
    หิวเต็มแก่แล้ว อูย..ปวดท้อง” มิทันที่เจ้างูจะได้ลิ้มรสปลาดั่งใจอยากเหล่าฝูงปลาที่อยู่ในลอบก็รุมกัดงูจนเป็นแผลเหวอะหวะไปหมด “พวกเราช่วยกันกัดเจ้างูตัวนี้เถอะ อย่าปล่อยให้มันมาทำร้ายพวกเราได้” “เป็นไงละเจ้างู อยากกินปลามากใช่มะ นี่..โดนปลากัดซะเลย”
 
เจ้างูโดนปลาทั้งหลายรุมกัดเป็นแผลไปทั่วตัว
 
เจ้างูโดนปลาทั้งหลายรุมกัดเป็นแผลไปทั่วตัว
 
    “หายอยากเลยไหม๊ละ ฮ้าๆ ฮ่า” “โอ๊ย..เจ็บ เจ็บ โอ๊ย..อย่ากัดข้าซิ ใครก็ได้ช่วยที ท่านกบเขียว ดูซิพวกปลาในลอบมันรุมกัดข้าใหญ่แล้ว โอ้ย ท่านช่วยข้าหน่อยเถอะ โอ้ย...” “ข้าเห็นแล้วแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนี่ ทำไมเราต้องช่วยท่านด้วยละ” “เฮอะๆๆ เป็นยังไงละ สมน้ำหน้าแม้แต่กบก็ไม่ช่วยเจ้า
 
เจ้างูร้องโอดครวญให้กบเขียว ช่วยเหลือมันจากการถูกทำร้าย
 
เจ้างูร้องโอดครวญให้กบเขียวช่วยเหลือมันจากการถูกทำร้าย
 
    ข้าก็เตือนเจ้าแล้ว ใครจะยอมเป็นอาหารให้เจ้าง่ายๆ เอ้าพวกเราช่วยกันรุมกัดเจ้างูอีกที อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้” “โอ๊ย..ท่านกบเขียวทำไม่ท่านพูดเช่นนั้นละ ท่านก็เห็นอยู่ว่าข้าเป็นฝ่ายที่ถูกรังแก ดูเจ้าพวกปลานั่นซิ มันตั้งหลายตัวรุมกัดข้าอยู่ตัวเดียวเลย
 
กบเขียวได้พูดเตือนสติเจ้างูด้วยความปรารถนาดี
 
กบเขียวได้พูดเตือนสติเจ้างูด้วยความปรารถนาดี
 
    เห็นอย่างนี้แล้วท่านยังไม่ช่วยข้าอีกเรอะ” เจ้างูได้รับความทุกข์ทรมานตะโกนขอความช่วยเหลือจากกบ กบเขียวยังคงวางเฉย กระโดดเข้ามาใกล้แล้วพูดเตือนสติเข้างู “ที่ข้าพูดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร และช่วยอะไรเจ้าไม่ได้นะ เพราะถ้าเกิดมีปลาสักตัวหลงเข้าไปในถิ่นของเจ้า
 
พวกปลารุมกัดเจ้างูเพื่อป้องกันชีวิตของตนเอง
 
พวกปลารุมกัดเจ้างูเพื่อป้องกันชีวิตของตนเอง
 
    ปลาตัวนั้นก็คงถูกพวกเจ้ารุมกัดกินเหมือนกัน อย่างเนี่ยข้าถึงช่วยพวกเจ้าไม่ได้” “เจ้าพูดอย่างนั้นมันก็ถูก แต่จะปล่อยให้ข้าโดนเจ้าพวกปลารุมกัดอยู่อย่างนี้นะเรอะ โอ้ย เจ็บๆ เจ็บเหลือเกิน” “เป็นไงละเจ้างูสมน้ำหน้า ไม่มีใครช่วยเจ้าหรอก ถ้าพวกเราไม่รุมกัดเจ้า ก็คงโดนเจ้ากัดกินเป็นอาหารแน่ เป็นใครก็รักชีวิตของตัวเองเหมือนกัน”
 
เจ้างูทนความเจ็บปวดไม่ไหวและได้สิ้นใจลงในที่สุด
 
เจ้างูทนความเจ็บปวดไม่ไหวและได้สิ้นใจลงในที่สุด
 
    กบเขียวมองดูเจ้างูที่โดนฝูงปลากัดเป็นแผลจนเหวอะหวะ มันถอนหายใจแล้วก็กระโดดไปที่อื่น ทิ้งให้งูอยู่แก้ปัญหาที่ก่อเอาไว้ “เฮ้อ เจ้างูเอ้ย เจ้าทำตัวของเจ้าเองแท้ๆ เราคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก” “เห็นไหมละเจ้างู เจ้าเป็นฝ่ายผิดจริงๆ ไม่ใช่พวกเรา” เมื่อกบเขียวจากไปแล้วฝูงปลาก็กรูเข้ามากัดกินงูที่จะเข้ามาทำร้ายพวกตนถึงในลอบ เจ้างูทนความเจ็บปวดไม่ไหวสิ้นใจตายในลอบนั่นเอง
 
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี่มาแสดงแล้ว แล้วทรงประชุมชาดกว่า
งูในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระเจ้าอชาตศัตรู
กบเขียว เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า