วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

มโนชชาดก-ชาดกว่าด้วยคบคนชั่วไม่ได้ความสุขที่ยั่งยืน


 สิงโตมโนชะผู้หลงคบสุนัขจิ้งจอกและได้นำภัยมาถึงตัวเอง
   
    สมัยนั้นมีสหายสองคนผู้เป็นชาวเมืองราชคฤห์ ในสองสหายนั้นคนหนึ่งบวชในสำนักของพระศาสดาอีกคนหนึ่งบวชในสำนักของพระเทวทัต สหายทั้งสองนั้นย่อมได้พบเห็นกันและกันอยู่เสมอ แม้ไปวิหารก็ยังได้พบเห็นกัน
 
ภิกษุสองสหายซึ่งบวชพร้อมกันแต่บวชคนละสำนัก
 
ภิกษุสองสหายซึ่งบวชพร้อมกันแต่บวชคนละสำนัก
 
    ภิกษุที่ออกบวชในสำนักพระศาสดาต้องปฏิบัติกิจสงฆ์ออกบิณฑบาต ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ ส่วนภิกษุที่บวชในสำนักของพระเทวทัตนั้นไม่ต้องออกไปบิณฑบาต เพราะจะมีคนจัดสำรับไว้ให้ในโรงฉันเรียบร้อย
 
ภิกษุสำนักพระเทวทัตได้ชักชวนภิกษุสหายไปยังสำนักตน
 
ภิกษุสำนักพระเทวทัตได้ชักชวนภิกษุสหายไปยังสำนักตน
 
    อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้งสองรูปได้เจอกันโดยบังเอิญ “เกลอเอ้ย ท่านจะเที่ยวบิณฑบาตให้เหงื่อไหลอยู่ทุกวันๆ ทำไม ดูอย่างเราซิ แค่เพียงนั่งในวิหารที่ตำบลคยาสสีสะเท่านั้นก็จะได้บริโภคโภชนะดีด้วยรสเลิศต่างๆ” “จริงหรือท่าน ดีจังนะไม่ต้องเดินให้เหนื่อย”
 
สำนักพระศาสดาและสำนักพระเทวทัต
 
สำนักพระศาสดาและสำนักพระเทวทัต
 
    ภิกษุสำนักพระศาสดาเมื่อได้ยินคำชักชวนบ่อยๆ เข้า ก็อยากไป นับแต่นั้นจึงไปยังคยาสีสะทำการบริโภคแล้วก็มายังพระเวฬุวันต่อเมื่อเวลาสาย “ไปเถอะน่าฉันแล้วค่อยกลับเวฬุวันก็ได้” “ก็ได้ท่าน ไปก็ไป”
 
บรรดาภิกษุทั้งหลายได้กล่าวตักเตือนภิกษุหนุ่มที่ไปยังคยาสีสะ
 
 บรรดาภิกษุทั้งหลายได้กล่าวตักเตือนภิกษุหนุ่มที่ไปยังคยาสีสะ
 
    เรื่องดังกล่าวภิกษุนั้นไม่อาจปกปิดไว้ได้ตลอดไป ไม่ช้านักข่าวก็ปรากฏว่าภิกษุนั้น ไปคยาสีสะบริโภคภัตตะที่เค้าอุปัฏฐากพระเทวทัต “ได้ยินว่าท่านบริโภคภัตตะที่เขาอุปัฏฐากแก่พระเทวทัตจริงหรือ” “ผมไปยังคยาสีสะบริโภคจริง แต่พระเทวทัตนะไม่ได้ให้ภัตตะแก่ผม คนอื่นๆ ให้”
 
ภิกษุหนุ่มผู้หลงผิดถูกนำตัวเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
 
ภิกษุหนุ่มผู้หลงผิดถูกนำตัวเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
 
    “อย่างนั้นก็เถอะแปลว่าท่านก็ทำไม่ถูก พระเทวทัตเป็นผู้ทุศีลซ้ำพระเจ้าอชาตศัตรูให้เลื่อมใส แล้วยังลาภสักการะให้เกิดแก่ตนโดยไม่ชอบธรรม ท่านบวชในศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์เห็นปานนี้แล้วยังบริโภคภาชนะอันเกิดขึ้นนั้นอีกหรือ”
 
พระบรมศาสดาทรงกล่าวตักเตือนภิกษุหนุ่มผู้หลงผิด
 
พระบรมศาสดาทรงกล่าวตักเตือนภิกษุหนุ่มผู้หลงผิด
 
    ภิกษุอื่นๆ เห็นว่าตักเตือนภิกษุผู้หลงผิดแล้วไม่ได้ผล จึงพาไปเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้พระองค์ทรงเตือน “พระเทวทัตเป็นผู้ไม่มีอาจาระ เป็นผู้ทุศีล เธอบวชในศาสนานี้แล้วยังบริโภคภัตตะของพระเทวทัตได้อย่างไรเล่า
 
สิงโตมโนชะอยู่รวมกันในถ้ำทั้งหมด 5 ชีวิต
 
สิงโตมโนชะอยู่รวมกันในถ้ำทั้งหมด 5 ชีวิต
 
    มิใช่แต่ชาตินี้เท่านั้นที่เธอหลงผิดคบคนชั่ว แม้แต่ชาติที่แล้วเธอก็คบหาสมาคมกับฝ่ายผิด ทำให้ได้รับผลถึงชีวิตมาแล้วเหมือนกัน” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า มโนชชาดกดังนี้
 
สิงโตมโนชะมีหน้าที่ล่าสัตว์มาเลี้ยงพ่อ แม่ น้องสาวและเมีย
 
สิงโตมโนชะมีหน้าที่ล่าสัตว์มาเลี้ยงพ่อ แม่ น้องสาวและเมีย
 
    ณ อดีตกาลในป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งในแคว้นพาราณสี มีสิงโตตัวหนึ่งผู้ที่บัดนี้เริ่มแก่ชราลง อาศัยอยู่กับเมีย ลูกชาย เมียของลูกชายและน้องสาว รวมทั้งหมด 5 ชีวิตอาศัยอยู่ในถ้ำเดียวกัน สิงโตมโนชะผู้เป็นลูกชายจะมีหน้าที่ออกล่าสัตว์ในป่ามาเลี้ยงครอบครัว ทั้งพ่อ แม่ น้องสาว และเมียเสมอมา
 
ภรรยาของมโนชะจะอ้อนสามีให้ล่าสัตว์ที่ตนอยากกินเป็นอาหาร
 
ภรรยาของมโนชะจะอ้อนสามีให้ล่าสัตว์ที่ตนอยากกินเป็นอาหาร
 
    “พี่จ๋าพรุ่งนี้ขอเป็นหมูป่าบ้างนะพี่ น้องนะอยากกินมานานแล้ว” “ ได้สิจ๊ะเมียที่รักของพี่” สิงโตมโนชะทำหน้าที่ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดีเสมอมา “ฮึย!..เจอแล้วหมูป่าต้องล่าเอาไปให้เมียรักให้ได้” “หยุดนะเจ้าหมูป่ามาเป็นอาหารให้ครอบครัวข้าซะดีๆ”
 
หมูป่าผู้โชคร้ายโดนล่าเป็นอาหารตามคำร้องขอของภรรยามโนชะ
 
หมูป่าผู้โชคร้ายโดนล่าเป็นอาหารตามคำร้องขอของภรรยามโนชะ
 
    “อู๊ดๆๆๆ ใครจะหยุดล่ะ หนีไม่รอดแน่เรา ขายิ่งสั้นๆ อยู่ด้วย” อยู่มาวันหนึ่งสิงโตมโนชะได้เจอสุนัขจิ้งจอกคิริยะโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตาย สุนัขจิ้งจอกจึงใช้กลอุบายพูดประจบประแจงสิงโตมโนชะหวังเอาชีวิตรอด
 
สุนัขจิ้งจอกประจบมโนชะขอเป็นข้ารับใช้เพื่อเอาตัวรอด
 
สุนัขจิ้งประจบมโนชะขอเป็นข้ารับใช้เพื่อเอาตัวรอดจอก
 
    “ข้าแต่นายท่านผู้เป็นราชาของสัตว์ป่า เราจิ้งจอกคิริยะชื่นชมในความสง่างามของท่านมานานแล้ว ได้โปรดให้เราได้ไปปรนนิบัตินายท่านเถิด นะ นะ” “โฮะๆๆ เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ เหรอ ได้สิ ตามมาปรนนิบัติข้าและครอบครัวของข้าในถ้ำซิ”
 
มโนชะหลงเชื่อสุนัขจิ้งจอกและยอมให้มันเข้ามาอยู่ในถ้ำ
 
มโนชะหลงเชื่อสุนัขจิ้งจอกและยอมให้มันเข้ามาอยู่ในถ้ำ
 
    สิงโตมโนชะหลงคบหาสมาคมกับฝ่ายผิด ยอมรับสุนัขจิ้งจอกคิริยะให้เข้ามาอยู่ในถ้ำ เป็นที่ไม่พอใจแก่สิงโตผู้เป็นพ่อยิ่งนัก เมื่อลับหลังสุนัขจิ้งจอกแล้ว สิงโตผู้เป็นพ่อจึงกล่าวตักเตือนมโนชะสิงโต
 “ลูกมโนชะเอ๋ย ธรรมดาสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายทุศีลมีบาปกรรมแล้วก็ชอบทำ สิ่งที่ไม่ควรทำ เจ้าอย่าเอาสุนัขจิ้งจอกมาไว้ในถ้ำของเราเลย”
 
สิงโตผู้เป็นพ่อได้เตือนมโนชะให้เลิกคบกับสุนัขจิ้งจอก
 
สิงโตผู้เป็นพ่อได้เตือนมโนชะให้เลิกคบกับสุนัขจิ้งจอก
 
    “โธ่ท่านพ่อ อย่าวิตกไปเลย สุนัขจิ้งจอกตัวเนี่ยหวังแค่จะมารับใช้ข้าจริงๆ หรือถ้ามันจะคิดร้าย มันก็คงจะทำอะไรข้าไม่ได้ ท่านพ่อ ดูตัวอันกระจ้อยร่อยของมันซิ จะมาสู้กับข้าได้อย่างไร ฮ้าๆๆ ฮู้” มโนชะไม่เชื่อฟังสิงโตผู้เป็นพ่อ ยังคงคบกับสุนัขเจ้าเล่ห์ตัวนั้นอยู่
 
มโนชะไม่ฟังสิงโตผู้เป็นพ่อยังคงคบสุนัขจิ้งจอกต่อไป
 
มโนชะไม่ฟังสิงโตผู้เป็นพ่อยังคงคบสุนัขจิ้งจอกต่อไป
 
    “วันนี้นายท่านจะล่าสัตว์ใดหรือ” “ล่ากวางดีมั๊ยหรือหมูป่าดี เมียข้าชอบกินหมูป่านะ”  “อย่าเลยนายท่านหมูป่ามันมีไขมันเยอะ เมียท่านทานเยอะไปจะทำให้อ้วนได้น่า ข้าน้อยว่าเป็นกวางดีกว่านะ ฮิฮิๆ เนื้อกวางหวานกว่าเนื้อหมูเป็นร้อยๆ เท่าแหนะ”
 
ในแต่ละวันที่ออกล่าสัตว์สุนัขจิ้งจอกก็จะติดตามออกไปด้วย
 
ในแต่ละวันที่ออกล่าสัตว์สุนัขจิ้งจอกก็จะติดตามออกไปด้วย
 
    สิงโตมโนชะไม่สนใจคำตักเตือนของผู้เป็นพ่อ ยังคบหาให้ความสนิทสนมกับสุนัขจิ้งจอกคิริยะ ไม่ว่าเจ้าจิ้งจอกจะพูดอะไร มโนชะก็จะหลงเชื่อทุกอย่าง “ฮิฮิๆ แล้ววันนี้เราก็ได้กินเนื้อกวางสมใจ พรุ่งนี้เราจะกินอะไรดีน่ะ” “เจ้าจิ้งจอกวันนี้เราจะกินอะไรกันดี”
 
ฝูงม้าพากันลงมากินน้ำที่ฝั่งเมืองพาราณสี
 
ฝูงม้าพากันลงมากินน้ำที่ฝั่งเมืองพาราณสี
 
    "ข้าแต่นายท่านขึ้นชื่อว่าเนื้ออย่างอื่นนะ เราได้กินมาหมดแล้วนะ เหลือแต่เนื้อม้าอย่างเดียวที่เรายังไม่ได้กิน เราไปตะครุบม้ามากินกันดีกว่าเถอะ” “ม้าเหรอ ข้าก็ยังไม่เคยกินเนื้อม้าเหมือนกันนะ เออ น่าลอง” “นายท่านข้าน้อยได้ยินมาว่าเนื้อม้าเป็นเนื้อที่รสชาติโอชากว่าเนื้อใดๆ เลย หวาน กลมกล่อม แถมยังไม่ค่อยมีไขมัน ดีต่อสุขภาพร่างกายนะท่าน ที่ฝั่งน้ำเมืองพาราณสีน่ะ มีม้ามากมายเลยหล่ะ ไปกันเถอะ”
 
มโนชะตะครุบม้าเพื่อเป็นอาหารตามคำขอของสุนัขจิ้งจอก
 
มโนชะตะครุบม้าเพื่อเป็นอาหารตามคำขอของสุนัขจิ้งจอก
 
    มโนชะหลงเชื่อคำสุนัขจิ้งจอก ตกปากรับคำจะล่าม้ามาเป็นอาหาร “นั่นไงนายท่านม้าเยอะแยะเลย ฮึๆๆ โฮ้ย อยู่กันเป็นฝูงอย่างนี้ค่อยล่าได้ง่ายหน่อย “ฮ้า ว้าว มื้อนี้ลาบปากจริงๆ เลย เนื้อม้า ฮะ ฮะๆ ต้องอร่อยแน่ๆ” สิงโตมโนชะไม่รอช้าเมื่อเห็นโอกาสจู่โจม ก็พุ่งตัวออกไปจากหลังพุ่มไม้เข้าตะครุบม้าได้ตัวหนึ่ง แล้วเหวี่ยงขึ้นหลังวิ่งมาถึงปากถ้ำด้วยกำลังสิงโต
 
มโนชะหลงเชื่อคำของสุนัขจิ้งจอกในการล่าอาหารทุกครั้ง
 
มโนชะหลงเชื่อคำของสุนัขจิ้งจอกในการล่าอาหารทุกครั้ง
 
    สิงโตผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นลูกชายล่าม้าได้ ก็ไม่รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย เขากลับเป็นห่วงลูกชายมากขึ้น “ธรรมดาม้าเป็นสัตว์ใช้สอยของหลวงและพระราชาทั้งหลาย ก็ทรงมีบริวารมากมายคอยคุ้มกันม้า ไม่มีสิงโตตัวไหนที่กินม้า แล้วจะมีอายุยืนหรอก ต่อไปนี้เจ้าอย่าไปล่าม้าเป็นอาหารอีกเลยนะ” “โอะๆ โอ้ย ท่านพ่ออย่ามาเป็นห่วงลูกเลย ด้วยฝีมือและพละกำลังที่ลูกมีเนี่ย
 
สิงโตผู้เป็นพ่อไม่ได้ยินดีที่เห็นลูกของตนล่าม้าได้
 
สิงโตผู้เป็นพ่อไม่ได้ยินดีที่เห็นลูกของตนล่าม้าได้
 
    แม้ราชาจะมีบริวารมากมายสักเพียงใดก็ไม่อาจทำอันตรายลูกได้หรอก ลูกว่าท่านพ่อนะ มากินม้าให้สบายดีกว่า อร่อยนะท่านพ่อ ลองชิมดูซิ หือ อร่อยจริงๆ อย่างนี้นี่เอง” มโนชะไม่เชื่อตามคำพ่อ แต่กลับเชื่อเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น พากันไปตะครุบม้ามากินอยู่เสมอ
 
มโนชะไม่เชื่อคำพ่อยังคงตะครุบม้าเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ
 
มโนชะไม่เชื่อคำพ่อยังคงตะครุบม้าเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ
 
    “นายท่านเนี่ยช่างเก่งจริงๆ เลย ไม่เห็นต้องไปกลัวบริวารราชาอย่างที่ท่านพ่อว่าเลย นายท่านเก่งออกอย่างนี้ แค่ล่าม้าสบายมากอยู่แล้ว” “โฮ๊ะๆ ๆ โฮ้ ข้าก็ว่าอย่างงั้นแหละ” พระราชาเมื่อทราบว่าสิงโตมาตะครุบม้าไปกิน จึงทรงให้สร้างสระโบกขรณีสำหรับม้าไว้ในพระนคร
 
พระราชาทรงกริ้วที่สิงโตกล้าเข้ามาตะครุบม้าใกล้เขตพระราชวัง
 
พระราชาทรงกริ้วที่สิงโตกล้าเข้ามาตะครุบม้าใกล้เขตพระราชวัง
 
    “เฮ้ย มันน่าโมโหจริงๆ พวกเจ้าดูแลม้าเราอย่างไร ถึงปล่อยให้สิงโตมันคาบไปกินได้ เอาหล่ะพวกเจ้าจงสร้างสระโบกขรณีไว้สำหรับม้าในพระนครนี่แหละดูซิ จะมีสิงโตคาบไปกินได้อีกไหม๊” “นายท่านดูซิพระราชาอุตส่าห์ลงทุนสร้างสระโบกขรณีไว้ให้ม้าใน
นครเลยนะเนี่ย อย่าหวังเลยว่าแผนแค่นี้จะมาหยุดยั้งนายท่านได้”
 
พระราชาทรงโปรดให้สร้างสระโบกขรณีไว้ในเขตพระราชวัง
 
พระราชาทรงโปรดให้สร้างสระโบกขรณีไว้ในเขตพระราชวัง
   
    “นั่นนะซิ พระราชาดูถูกฝีมือเราเกินไปนะเนี่ย คอยดูนะคิริยะเดี๋ยวข้าจะตะครุบม้าเป็นๆ ในวังให้เจ้าดู ฮุฮู” “โอ้โห้นายท่านนี่เก่งจริงๆ เลย ได้กินม้าอีกแล้วเรา ฮ่าๆๆ ดีจัง สบายท้องด้วย ไม่ต้องเหนื่อยด้วย ฮิ ฮิ” เมื่อพระราชาทรงสั่งสร้างสระโบกขรณีไว้ในวัง เพื่อให้ม้าได้กินอาบแล้ว แต่สิงโตมโนชะก็ยังมาตะครุบม้าไปกินอยู่เป็นประจำ
 
แม้จะมีกำแพงสุนัขจิ้งจอกก็หาทางให้มโนชะเข้าไปในโรงม้าจนได้
 
แม้จะมีกำแพงสุนัขจิ้งจอกก็หาทางให้มโนชะเข้าไปในโรงม้าจนได้
 
    พระราชาจึงทรงให้สร้างโรงม้า แล้วเลี้ยงม้าด้วยหญ้า ด้วยน้ำภายในโรงม้านั่นเอง “คราวนี้จะเอายังไงกันดีเจ้าจิ้งจอกคิริยะ พระราชาสร้างโรงม้าไว้อย่างนี้แล้ว ข้าจะเข้าไปตะครุบม้าได้อย่างไร” “มันจะไปยากอะไรละนายท่าน ท่านก็เข้าไปทางด้านบนกำแพงรั้วซิ” “เออ นั่นนะซิ ทำไมเรื่องง่ายๆ แค่นี้ข้าถึงคิดไม่ออกนะ ถ้าอย่างนั้นนะ เจ้ารออยู่ข้างนอกนี่แหละเดี๋ยวข้าจะเข้าไปเอง”
 
มโนชะไม่เกรงภัยยังมาตะครุบม้ากินเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ
 
มโนชะไม่เกรงภัยยังมาตะครุบม้ากินเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ
 
    “ได้เลยนายท่าน” สิงโตมโนชะเข้าไปทางด้านบนกำแพงตะครุบม้าในโรงม้าด้วยความผยอง ทันใดนั้นเรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่มโนชะคิด พระราชาได้สั่งให้นายขมังธนูยิงเร็ว มาคอยดักยิงบนป้อมที่สร้างไว้ให้ชิดกำแพงด้านที่สิงโตมา นายขมังธนูผู้นั้นฉลาดพอที่จะไม่ยิงในขณะสิงโตมา เพราะมันจะรวดเร็วมาก
 
 
มโนชะหลงเชื่อคำแนะนำของสุนัขจิ้งจอกทุกอย่าง
 
มโนชะหลงเชื่อคำแนะนำของสุนัขจิ้งจอกทุกอย่าง
 
    เขารอเวลาที่มันตะครุบม้าเหวี่ยงขึ้นหลังแล้วแบกไปจึงยิงสิงโต นายขมังธนู สะบัดสายธนูดังเหมือนฟ้าผ่า สิงโตมโนชะโดนลูกศรยิงถูกด้านหลังทะลุออกด้านหน้า “โอ๊ะ โอ้ย ช่วยด้วย ข้าถูกยิง โอ๊ย...” สุนัขจิ้งจอกคิริยะได้ยินเสียงร้องของสิงโตและเสียงสายธนู ก็คิดว่าสิงโตคงถูกนายขมังธนูยิงนายแน่แล้ว  จึงวิ่งหนีเข้าป่าไปทางอื่น
 
มโนชะเข้าไปในวังตะครุบม้าเป็นปกติโดยไม่รู้ว่าภัยจะมาถึงตัว
 
มโนชะเข้าไปในวังตะครุบม้าเป็นปกติโดยไม่รู้ว่าภัยจะมาถึงตัว
 
    “อื๊ย เจ้าสิงโตคงโดนยิงตายแล้วแน่ๆ เลย คบสัตว์ที่ตายไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร หนีก่อนดีกว่าเรา เดี๋ยวค่อยไปหาเพื่อนใหม่เอาในป่าก็ได้ อื๊ย..น่ากลัว” สิงโตมโนชะเมื่อรู้ว่าถูกยิง จึงรีบสลัดม้าออกจากตัวและวิ่ง เมื่อมาถึงหน้าถ้ำก็ล้มลงตาย ผู้คบสัตว์เลวตามปกติ จะไม่ประสบความสุขเลย
 
มโนชะถูกยิงด้วยลูกธนูจากด้านหลังทะลุด้านหน้า
 
มโนชะถูกยิงด้วยลูกธนูจากด้านหลังทะลุด้านหน้า
 
    ดูเถอะมโนชะผู้เชื่อฟังคบหากับสุนัขจิ้งจอกคิริยะ แม่จะมีความทุกข์เพราะลูก ลูกมีเพื่อนที่เลวทราม ผู้ไม่ทำตามถ้อยคำของพ่อผู้เกื้อกูลผู้ชี้ประโยชน์ให้เป็นเช่นนี้ ผู้สูงส่งแต่คบหาคนที่ต่ำทรามจะเป็นคนเลวกว่าคนนั้นดูเถิดพญาสิงโต คือ มโนชะผู้สูงส่งแต่คบหาสัตว์ต่ำช้า คือ สุนัขจิ้งจอก ต้องมานอนจมกองเลือดตายด้วยคมศร
ผู้คบหาคนเลวทรามเป็นปกติ จะเสื่อมเสีย
 
สิงโตมโนชะวิ่งมาถึงหน้าถ้ำก็สิ้นใจตายทันที
 
สิงโตมโนชะวิ่งมาถึงหน้าถ้ำก็สิ้นใจตายทันที
 
    ผู้คบหาคนเสมอกันจะไม่เสื่อมเสียทุกเมื่อ ส่วนผู้คบหาคนที่ประเสริฐจะมีแต่สูงขึ้น ฉะนั้นควรคบแต่ผู้มีธรรมะสูงกว่าตน เมื่อฟังชาดกจบแล้ว ภิกษุผู้คบหาฝ่ายผิด ได้บรรลุโสดาปัตติผล
 
มโนชะ ได้มาเป็น พระเทวทัต
น้องสาว ได้มาเป็น พระอุบลวรรณาเถรี
เมีย ได้มาเป็น เขมาภิกษุณี
แม่ ได้มาเป็น มารดาพระราหุล
พ่อ เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า