สิงโตมโนชะผู้หลงคบสุนัขจิ้งจอกและได้นำภัยมาถึงตัวเอง
สมัยนั้นมีสหายสองคนผู้เป็นชาวเมืองราชคฤห์ ในสองสหายนั้นคนหนึ่งบวชในสำนักของพระศาสดาอีกคนหนึ่งบวชในสำนักของพระเทวทัต สหายทั้งสองนั้นย่อมได้พบเห็นกันและกันอยู่เสมอ แม้ไปวิหารก็ยังได้พบเห็นกัน
ภิกษุสองสหายซึ่งบวชพร้อมกันแต่บวชคนละสำนัก
ภิกษุที่ออกบวชในสำนักพระศาสดาต้องปฏิบัติกิจสงฆ์ออกบิณฑบาต ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ ส่วนภิกษุที่บวชในสำนักของพระเทวทัตนั้นไม่ต้องออกไปบิณฑบาต เพราะจะมีคนจัดสำรับไว้ให้ในโรงฉันเรียบร้อย
ภิกษุสำนักพระเทวทัตได้ชักชวนภิกษุสหายไปยังสำนักตน
อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้งสองรูปได้เจอกันโดยบังเอิญ “เกลอเอ้ย ท่านจะเที่ยวบิณฑบาตให้เหงื่อไหลอยู่ทุกวันๆ ทำไม ดูอย่างเราซิ แค่เพียงนั่งในวิหารที่ตำบลคยาสสีสะเท่านั้นก็จะได้บริโภคโภชนะดีด้วยรสเลิศต่างๆ” “จริงหรือท่าน ดีจังนะไม่ต้องเดินให้เหนื่อย”
สำนักพระศาสดาและสำนักพระเทวทัต
ภิกษุสำนักพระศาสดาเมื่อได้ยินคำชักชวนบ่อยๆ เข้า ก็อยากไป นับแต่นั้นจึงไปยังคยาสีสะทำการบริโภคแล้วก็มายังพระเวฬุวันต่อเมื่อเวลาสาย “ไปเถอะน่าฉันแล้วค่อยกลับเวฬุวันก็ได้” “ก็ได้ท่าน ไปก็ไป”
บรรดาภิกษุทั้งหลายได้กล่าวตักเตือนภิกษุหนุ่มที่ไปยังคยาสีสะ
เรื่องดังกล่าวภิกษุนั้นไม่อาจปกปิดไว้ได้ตลอดไป ไม่ช้านักข่าวก็ปรากฏว่าภิกษุนั้น ไปคยาสีสะบริโภคภัตตะที่เค้าอุปัฏฐากพระเทวทัต “ได้ยินว่าท่านบริโภคภัตตะที่เขาอุปัฏฐากแก่พระเทวทัตจริงหรือ” “ผมไปยังคยาสีสะบริโภคจริง แต่พระเทวทัตนะไม่ได้ให้ภัตตะแก่ผม คนอื่นๆ ให้”
ภิกษุหนุ่มผู้หลงผิดถูกนำตัวเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
“อย่างนั้นก็เถอะแปลว่าท่านก็ทำไม่ถูก พระเทวทัตเป็นผู้ทุศีลซ้ำพระเจ้าอชาตศัตรูให้เลื่อมใส แล้วยังลาภสักการะให้เกิดแก่ตนโดยไม่ชอบธรรม ท่านบวชในศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์เห็นปานนี้แล้วยังบริโภคภาชนะอันเกิดขึ้นนั้นอีกหรือ”
พระบรมศาสดาทรงกล่าวตักเตือนภิกษุหนุ่มผู้หลงผิด
ภิกษุอื่นๆ เห็นว่าตักเตือนภิกษุผู้หลงผิดแล้วไม่ได้ผล จึงพาไปเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้พระองค์ทรงเตือน “พระเทวทัตเป็นผู้ไม่มีอาจาระ เป็นผู้ทุศีล เธอบวชในศาสนานี้แล้วยังบริโภคภัตตะของพระเทวทัตได้อย่างไรเล่า
สิงโตมโนชะอยู่รวมกันในถ้ำทั้งหมด 5 ชีวิต
มิใช่แต่ชาตินี้เท่านั้นที่เธอหลงผิดคบคนชั่ว แม้แต่ชาติที่แล้วเธอก็คบหาสมาคมกับฝ่ายผิด ทำให้ได้รับผลถึงชีวิตมาแล้วเหมือนกัน” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า มโนชชาดกดังนี้
สิงโตมโนชะมีหน้าที่ล่าสัตว์มาเลี้ยงพ่อ แม่ น้องสาวและเมีย
ณ อดีตกาลในป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งในแคว้นพาราณสี มีสิงโตตัวหนึ่งผู้ที่บัดนี้เริ่มแก่ชราลง อาศัยอยู่กับเมีย ลูกชาย เมียของลูกชายและน้องสาว รวมทั้งหมด 5 ชีวิตอาศัยอยู่ในถ้ำเดียวกัน สิงโตมโนชะผู้เป็นลูกชายจะมีหน้าที่ออกล่าสัตว์ในป่ามาเลี้ยงครอบครัว ทั้งพ่อ แม่ น้องสาว และเมียเสมอมา
ภรรยาของมโนชะจะอ้อนสามีให้ล่าสัตว์ที่ตนอยากกินเป็นอาหาร
“พี่จ๋าพรุ่งนี้ขอเป็นหมูป่าบ้างนะพี่ น้องนะอยากกินมานานแล้ว” “ ได้สิจ๊ะเมียที่รักของพี่” สิงโตมโนชะทำหน้าที่ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดีเสมอมา “ฮึย!..เจอแล้วหมูป่าต้องล่าเอาไปให้เมียรักให้ได้” “หยุดนะเจ้าหมูป่ามาเป็นอาหารให้ครอบครัวข้าซะดีๆ”
หมูป่าผู้โชคร้ายโดนล่าเป็นอาหารตามคำร้องขอของภรรยามโนชะ
“อู๊ดๆๆๆ ใครจะหยุดล่ะ หนีไม่รอดแน่เรา ขายิ่งสั้นๆ อยู่ด้วย” อยู่มาวันหนึ่งสิงโตมโนชะได้เจอสุนัขจิ้งจอกคิริยะโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตาย สุนัขจิ้งจอกจึงใช้กลอุบายพูดประจบประแจงสิงโตมโนชะหวังเอาชีวิตรอด
สุนัขจิ้งประจบมโนชะขอเป็นข้ารับใช้เพื่อเอาตัวรอดจอก
“ข้าแต่นายท่านผู้เป็นราชาของสัตว์ป่า เราจิ้งจอกคิริยะชื่นชมในความสง่างามของท่านมานานแล้ว ได้โปรดให้เราได้ไปปรนนิบัตินายท่านเถิด นะ นะ” “โฮะๆๆ เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ เหรอ ได้สิ ตามมาปรนนิบัติข้าและครอบครัวของข้าในถ้ำซิ”
มโนชะหลงเชื่อสุนัขจิ้งจอกและยอมให้มันเข้ามาอยู่ในถ้ำ
สิงโตมโนชะหลงคบหาสมาคมกับฝ่ายผิด ยอมรับสุนัขจิ้งจอกคิริยะให้เข้ามาอยู่ในถ้ำ เป็นที่ไม่พอใจแก่สิงโตผู้เป็นพ่อยิ่งนัก เมื่อลับหลังสุนัขจิ้งจอกแล้ว สิงโตผู้เป็นพ่อจึงกล่าวตักเตือนมโนชะสิงโต
“ลูกมโนชะเอ๋ย ธรรมดาสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายทุศีลมีบาปกรรมแล้วก็ชอบทำ สิ่งที่ไม่ควรทำ เจ้าอย่าเอาสุนัขจิ้งจอกมาไว้ในถ้ำของเราเลย”
สิงโตผู้เป็นพ่อได้เตือนมโนชะให้เลิกคบกับสุนัขจิ้งจอก
“โธ่ท่านพ่อ อย่าวิตกไปเลย สุนัขจิ้งจอกตัวเนี่ยหวังแค่จะมารับใช้ข้าจริงๆ หรือถ้ามันจะคิดร้าย มันก็คงจะทำอะไรข้าไม่ได้ ท่านพ่อ ดูตัวอันกระจ้อยร่อยของมันซิ จะมาสู้กับข้าได้อย่างไร ฮ้าๆๆ ฮู้” มโนชะไม่เชื่อฟังสิงโตผู้เป็นพ่อ ยังคงคบกับสุนัขเจ้าเล่ห์ตัวนั้นอยู่
มโนชะไม่ฟังสิงโตผู้เป็นพ่อยังคงคบสุนัขจิ้งจอกต่อไป
“วันนี้นายท่านจะล่าสัตว์ใดหรือ” “ล่ากวางดีมั๊ยหรือหมูป่าดี เมียข้าชอบกินหมูป่านะ” “อย่าเลยนายท่านหมูป่ามันมีไขมันเยอะ เมียท่านทานเยอะไปจะทำให้อ้วนได้น่า ข้าน้อยว่าเป็นกวางดีกว่านะ ฮิฮิๆ เนื้อกวางหวานกว่าเนื้อหมูเป็นร้อยๆ เท่าแหนะ”
ในแต่ละวันที่ออกล่าสัตว์สุนัขจิ้งจอกก็จะติดตามออกไปด้วย
สิงโตมโนชะไม่สนใจคำตักเตือนของผู้เป็นพ่อ ยังคบหาให้ความสนิทสนมกับสุนัขจิ้งจอกคิริยะ ไม่ว่าเจ้าจิ้งจอกจะพูดอะไร มโนชะก็จะหลงเชื่อทุกอย่าง “ฮิฮิๆ แล้ววันนี้เราก็ได้กินเนื้อกวางสมใจ พรุ่งนี้เราจะกินอะไรดีน่ะ” “เจ้าจิ้งจอกวันนี้เราจะกินอะไรกันดี”
ฝูงม้าพากันลงมากินน้ำที่ฝั่งเมืองพาราณสี
"ข้าแต่นายท่านขึ้นชื่อว่าเนื้ออย่างอื่นนะ เราได้กินมาหมดแล้วนะ เหลือแต่เนื้อม้าอย่างเดียวที่เรายังไม่ได้กิน เราไปตะครุบม้ามากินกันดีกว่าเถอะ” “ม้าเหรอ ข้าก็ยังไม่เคยกินเนื้อม้าเหมือนกันนะ เออ น่าลอง” “นายท่านข้าน้อยได้ยินมาว่าเนื้อม้าเป็นเนื้อที่รสชาติโอชากว่าเนื้อใดๆ เลย หวาน กลมกล่อม แถมยังไม่ค่อยมีไขมัน ดีต่อสุขภาพร่างกายนะท่าน ที่ฝั่งน้ำเมืองพาราณสีน่ะ มีม้ามากมายเลยหล่ะ ไปกันเถอะ”
มโนชะตะครุบม้าเพื่อเป็นอาหารตามคำขอของสุนัขจิ้งจอก
มโนชะหลงเชื่อคำสุนัขจิ้งจอก ตกปากรับคำจะล่าม้ามาเป็นอาหาร “นั่นไงนายท่านม้าเยอะแยะเลย ฮึๆๆ โฮ้ย อยู่กันเป็นฝูงอย่างนี้ค่อยล่าได้ง่ายหน่อย “ฮ้า ว้าว มื้อนี้ลาบปากจริงๆ เลย เนื้อม้า ฮะ ฮะๆ ต้องอร่อยแน่ๆ” สิงโตมโนชะไม่รอช้าเมื่อเห็นโอกาสจู่โจม ก็พุ่งตัวออกไปจากหลังพุ่มไม้เข้าตะครุบม้าได้ตัวหนึ่ง แล้วเหวี่ยงขึ้นหลังวิ่งมาถึงปากถ้ำด้วยกำลังสิงโต
มโนชะหลงเชื่อคำของสุนัขจิ้งจอกในการล่าอาหารทุกครั้ง
สิงโตผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นลูกชายล่าม้าได้ ก็ไม่รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย เขากลับเป็นห่วงลูกชายมากขึ้น “ธรรมดาม้าเป็นสัตว์ใช้สอยของหลวงและพระราชาทั้งหลาย ก็ทรงมีบริวารมากมายคอยคุ้มกันม้า ไม่มีสิงโตตัวไหนที่กินม้า แล้วจะมีอายุยืนหรอก ต่อไปนี้เจ้าอย่าไปล่าม้าเป็นอาหารอีกเลยนะ” “โอะๆ โอ้ย ท่านพ่ออย่ามาเป็นห่วงลูกเลย ด้วยฝีมือและพละกำลังที่ลูกมีเนี่ย
สิงโตผู้เป็นพ่อไม่ได้ยินดีที่เห็นลูกของตนล่าม้าได้
แม้ราชาจะมีบริวารมากมายสักเพียงใดก็ไม่อาจทำอันตรายลูกได้หรอก ลูกว่าท่านพ่อนะ มากินม้าให้สบายดีกว่า อร่อยนะท่านพ่อ ลองชิมดูซิ หือ อร่อยจริงๆ อย่างนี้นี่เอง” มโนชะไม่เชื่อตามคำพ่อ แต่กลับเชื่อเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น พากันไปตะครุบม้ามากินอยู่เสมอ
มโนชะไม่เชื่อคำพ่อยังคงตะครุบม้าเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ
“นายท่านเนี่ยช่างเก่งจริงๆ เลย ไม่เห็นต้องไปกลัวบริวารราชาอย่างที่ท่านพ่อว่าเลย นายท่านเก่งออกอย่างนี้ แค่ล่าม้าสบายมากอยู่แล้ว” “โฮ๊ะๆ ๆ โฮ้ ข้าก็ว่าอย่างงั้นแหละ” พระราชาเมื่อทราบว่าสิงโตมาตะครุบม้าไปกิน จึงทรงให้สร้างสระโบกขรณีสำหรับม้าไว้ในพระนคร
พระราชาทรงกริ้วที่สิงโตกล้าเข้ามาตะครุบม้าใกล้เขตพระราชวัง
“เฮ้ย มันน่าโมโหจริงๆ พวกเจ้าดูแลม้าเราอย่างไร ถึงปล่อยให้สิงโตมันคาบไปกินได้ เอาหล่ะพวกเจ้าจงสร้างสระโบกขรณีไว้สำหรับม้าในพระนครนี่แหละดูซิ จะมีสิงโตคาบไปกินได้อีกไหม๊” “นายท่านดูซิพระราชาอุตส่าห์ลงทุนสร้างสระโบกขรณีไว้ให้ม้าใน
นครเลยนะเนี่ย อย่าหวังเลยว่าแผนแค่นี้จะมาหยุดยั้งนายท่านได้”
พระราชาทรงโปรดให้สร้างสระโบกขรณีไว้ในเขตพระราชวัง
“นั่นนะซิ พระราชาดูถูกฝีมือเราเกินไปนะเนี่ย คอยดูนะคิริยะเดี๋ยวข้าจะตะครุบม้าเป็นๆ ในวังให้เจ้าดู ฮุฮู” “โอ้โห้นายท่านนี่เก่งจริงๆ เลย ได้กินม้าอีกแล้วเรา ฮ่าๆๆ ดีจัง สบายท้องด้วย ไม่ต้องเหนื่อยด้วย ฮิ ฮิ” เมื่อพระราชาทรงสั่งสร้างสระโบกขรณีไว้ในวัง เพื่อให้ม้าได้กินอาบแล้ว แต่สิงโตมโนชะก็ยังมาตะครุบม้าไปกินอยู่เป็นประจำ
แม้จะมีกำแพงสุนัขจิ้งจอกก็หาทางให้มโนชะเข้าไปในโรงม้าจนได้
พระราชาจึงทรงให้สร้างโรงม้า แล้วเลี้ยงม้าด้วยหญ้า ด้วยน้ำภายในโรงม้านั่นเอง “คราวนี้จะเอายังไงกันดีเจ้าจิ้งจอกคิริยะ พระราชาสร้างโรงม้าไว้อย่างนี้แล้ว ข้าจะเข้าไปตะครุบม้าได้อย่างไร” “มันจะไปยากอะไรละนายท่าน ท่านก็เข้าไปทางด้านบนกำแพงรั้วซิ” “เออ นั่นนะซิ ทำไมเรื่องง่ายๆ แค่นี้ข้าถึงคิดไม่ออกนะ ถ้าอย่างนั้นนะ เจ้ารออยู่ข้างนอกนี่แหละเดี๋ยวข้าจะเข้าไปเอง”
มโนชะไม่เกรงภัยยังมาตะครุบม้ากินเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ
“ได้เลยนายท่าน” สิงโตมโนชะเข้าไปทางด้านบนกำแพงตะครุบม้าในโรงม้าด้วยความผยอง ทันใดนั้นเรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่มโนชะคิด พระราชาได้สั่งให้นายขมังธนูยิงเร็ว มาคอยดักยิงบนป้อมที่สร้างไว้ให้ชิดกำแพงด้านที่สิงโตมา นายขมังธนูผู้นั้นฉลาดพอที่จะไม่ยิงในขณะสิงโตมา เพราะมันจะรวดเร็วมาก
มโนชะหลงเชื่อคำแนะนำของสุนัขจิ้งจอกทุกอย่าง
เขารอเวลาที่มันตะครุบม้าเหวี่ยงขึ้นหลังแล้วแบกไปจึงยิงสิงโต นายขมังธนู สะบัดสายธนูดังเหมือนฟ้าผ่า สิงโตมโนชะโดนลูกศรยิงถูกด้านหลังทะลุออกด้านหน้า “โอ๊ะ โอ้ย ช่วยด้วย ข้าถูกยิง โอ๊ย...” สุนัขจิ้งจอกคิริยะได้ยินเสียงร้องของสิงโตและเสียงสายธนู ก็คิดว่าสิงโตคงถูกนายขมังธนูยิงนายแน่แล้ว จึงวิ่งหนีเข้าป่าไปทางอื่น
มโนชะเข้าไปในวังตะครุบม้าเป็นปกติโดยไม่รู้ว่าภัยจะมาถึงตัว
“อื๊ย เจ้าสิงโตคงโดนยิงตายแล้วแน่ๆ เลย คบสัตว์ที่ตายไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร หนีก่อนดีกว่าเรา เดี๋ยวค่อยไปหาเพื่อนใหม่เอาในป่าก็ได้ อื๊ย..น่ากลัว” สิงโตมโนชะเมื่อรู้ว่าถูกยิง จึงรีบสลัดม้าออกจากตัวและวิ่ง เมื่อมาถึงหน้าถ้ำก็ล้มลงตาย ผู้คบสัตว์เลวตามปกติ จะไม่ประสบความสุขเลย
มโนชะถูกยิงด้วยลูกธนูจากด้านหลังทะลุด้านหน้า
ดูเถอะมโนชะผู้เชื่อฟังคบหากับสุนัขจิ้งจอกคิริยะ แม่จะมีความทุกข์เพราะลูก ลูกมีเพื่อนที่เลวทราม ผู้ไม่ทำตามถ้อยคำของพ่อผู้เกื้อกูลผู้ชี้ประโยชน์ให้เป็นเช่นนี้ ผู้สูงส่งแต่คบหาคนที่ต่ำทรามจะเป็นคนเลวกว่าคนนั้นดูเถิดพญาสิงโต คือ มโนชะผู้สูงส่งแต่คบหาสัตว์ต่ำช้า คือ สุนัขจิ้งจอก ต้องมานอนจมกองเลือดตายด้วยคมศร
ผู้คบหาคนเลวทรามเป็นปกติ จะเสื่อมเสีย
สิงโตมโนชะวิ่งมาถึงหน้าถ้ำก็สิ้นใจตายทันที
ผู้คบหาคนเสมอกันจะไม่เสื่อมเสียทุกเมื่อ ส่วนผู้คบหาคนที่ประเสริฐจะมีแต่สูงขึ้น ฉะนั้นควรคบแต่ผู้มีธรรมะสูงกว่าตน เมื่อฟังชาดกจบแล้ว ภิกษุผู้คบหาฝ่ายผิด ได้บรรลุโสดาปัตติผล
มโนชะ ได้มาเป็น พระเทวทัต
น้องสาว ได้มาเป็น พระอุบลวรรณาเถรี
เมีย ได้มาเป็น เขมาภิกษุณี
แม่ ได้มาเป็น มารดาพระราหุล
พ่อ เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า